สปอยล์งบฯ 6 บจ.ไตรมาส 3/62 พร้อมส่อง 9 หุ้นผลงานไตรมาส 4 โต!
สปอยล์งบฯไตรมาส 3/62 พร้อมส่อง 9 หุ้นผลงานไตรมาส 4 โต!
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมบทวิเคราะห์ที่เกี่ยวกับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/62 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งจะเริ่มทยอยประกาศออกมา โดย บล.โนมูระ พัฒนสิน
ขณะที่ได้แนะนำกลยุทธ์ในไตรมาส 4 แนะนำหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ), กลุ่มอาหาร(วงจรราคากลุ่มโปรตีนขาขึ้น หนุนธุรกิจหมู ไก่ ในเอเชีย), กลุ่มนิคมฯ ประกอบด้วย CPF, GFPT, AOT, ERW, AMATA, WHA, ADVANC, JMART, ICHI
โดยหุ้นในธีม EARNINGS PREVIEW มีดังนี้
AP (BUY,TP 9.90) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/62 โตสูงจากไตรมาสก่อน และมากกว่าตลาดคาด
แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 3/62 ที่ 620 ลบ (-34% จากปีก่อน, +27% จากไตรมาสก่อน) ถึงแม้ยังลดลงมากจากปีก่อน แต่ไม่ถือเป็นเรื่อง surprise เนื่องจากไม่มี condo ใหม่โอน อย่างไรก็ตามการกลับมาโตสูงจากไตรมาสก่อน และมากกว่า consensus คาด สะท้อนการ bottom out สำหรับเรื่องกำไรสุทธิไปแล้วในไตรมาส 2/62 ที่ผ่านมา โดย outlook เรื่องกำไรสุทธิตั้งแต่ไตรมาส 4/62 เป็นต้นไป และโดยเฉพาะปี 63 ที่โดดเด่น และมีโอกาสที่ทำ record high สวนทางกลุ่มฯ น่าจะเป็น key story หลักสำหรับ AP ในช่วงถัดไป โดยจุดเด่นมาจาก condo ใหม่รอโอนในช่วง 5 ไตรมาสข้างหน้าที่สูงถึง 31.3 พันลบ (6 โครงการ) มี average take-up rate สูงถึง 92% และหลายโครงการมี % NP margin ที่ดีกว่าปกติ ซึ่งเราไม่ห่วงคุณภาพ backlog ที่รอโอนมากนัก เพราะด้วยกลยุทธ์ด้านราคาและทำเลที่ดีกว่าคู่แข่ง ในขณะที่มีแรงเสริมจากกลุ่ม low-rise ที่โตกว่ากลุ่มฯ จากการเพิ่ม market share ต่อเนื่อง ภาพรวมเราคาดปี 2020F AP จะยังคงตั้งเป้าการเปิดโครงการใหม่, presale และกำไรสุทธิที่โตจากปีก่อน เราคงแนะนำ “ซื้อ” rating ที่ราคาเป้าหมายปี 63 ที่ 9.90 บาท/หุ้น และยังคงเป็น top pick ของกลุ่มฯ
SAWAD (BUY, TP 69.0) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/62 โตตามสินเชื่อและรายได้ไม่ใช่ดอกเบี้ย
คาดกำไรสุทธิกำไรสุทธิไตรมาส 3/62 ทำ new high ต่อเนื่องที่ 960 ลบ. เติบโตดี +25% จากปีก่อน, +10% จากไตรมาสก่อนจากสินเชื่อที่คาดเพิ่มขึ้น +23% จากปีก่อน, +5% จากไตรมาสก่อน ประกอบกับคาดรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่โตเด่น ตามรายได้ค่าธรรมเนียมในการทำสัญญาสินเชื่อของลูกค้า ประกอบกับค่าธรรมเนียมทวงถามการจ่ายคืนหนี้ล่าช้า และหนี้สูญรับคืนดีขึ้น ในไตรมาส 4/62 คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีก่อน,จากไตรมาสก่อน จากคาดสินเชื่อที่เติบโตดีต่อเนื่อง ประกอบกับคาด yield จะค่อยๆปรับขึ้นได้ ตามสินเชื่อที่ดินที่เติบโตดี รวมถึง SAWAD ได้ปรับ rating เป็น “BBB+” จาก “BBB” ซึ่งจะค่อย ๆ ส่งผลดีต่อต้นทุนเงินทุน เรายังชอบ SAWAD และคงเป็น Top pick จาก i) กำไรสุทธิที่คาดโตดีจากปีก่อนทุกไตรมาส และจะโต +36% จากปีก่อนใน 62 ii) การปล่อยสินเชื่อผ่าน BFIT มีจุดเด่นเหนือคู่แข่ง คือ มี room ในการเก็บดอกเบี้ยสูงสุดได้มากกว่าคู่แข่ง iii) มีฐานเงินทุนแข็งแกร่งรองรับการเติบโต แต่จาก upside ราคาตลาดเมื่อเทียบราคาเป้าหมายที่จำกัด จึงแนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว
ILM (BUY, TP 22.0) คาดกำไรโตจากปีก่อนตาม profitability margin แต่ SSSG ยังไม่ดี
คาดกำไรปกติไตรมาส 3/62 ที่ 130 ลบ. (+25% จากปีก่อน, -17% จากไตรมาสก่อน) โตจากปีก่อน หลักๆ จาก i) %GPM ที่ราว 44.0% ปรับตัวดีขึ้นตาม Product Mix และ ii) tax rate ที่คาดจะลดลงเหลือเพียง low single digit เพราะได้รับ tax benefit จากการติดตั้ง solar rooftop อย่างไรก็ตามในด้านของ core business คาดยังทำได้ไม่ดี โดยเฉพาะ SSSG ที่ยังทรงตัวอยู่ในแดนลบที่ราว -1.5% ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทั้งนี้สำหรับ q-q คาดกำไรหดตัวมากเพราะแนวโน้ม SG&A expenses สูงตามการเปิดสาขาใหม่ 2 แห่งคือ Index Living Mall จังหวัดจันทบุรี และร้าน Coco platform size M แห่งแรกที่จังหวัดราชบุรี ทั้งนี้ด้วยอานิสงส์จากการได้รับ tax benefit ในปีนี้ เรามีการปรับประมาณการกำไรปกติปี 19F ขึ้น +8% โดยประมาณการใหม่อยู่ที่ 602 ลบ. (+7% จากปีก่อน) อย่างไรก็ตามเราปรับกำไรปกติปี 20-21F ลงเฉลี่ย -11% ต่อปี จากมองว่าประมาณการเดิมมี downside ในขาของ SSSG ที่มีแนวโน้มต่ำกว่าคาดการณ์เดิมตามการบริโภคที่ซบเซา ทั้งนี้เราปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 63 ที่ 22.0 บาท/หุ้น (คิดเป็น PER target ปี 63 ที่ 19.9 เท่า) โดยแม้เรายังคงคำแนะนำ BUY จากราคาปัจจุบันมี upside ที่เปิดกว้าง แต่ในเบื้องต้นมองว่าธุรกิจยังมี uncertainty ในขาของ SSSG และการควบคุมค่าใช้จ่าย SG&A expenses ที่มีแนวโน้มทำได้ยากตามการขยายสาขาและการเร่งทำ promotion
SC (BUY,TP 3.30) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/62 กลับมาโต y-y, q-q สวนทางกลุ่มฯ
แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 3/62 ที่ 430 ลบ (+10% จากปีก่อน, +52% จากไตรมาสก่อน) โดยการกลับมาโตจากปีก่อน, จากไตรมาสก่อน สวนทางกลุ่มฯ และดีกว่า consensus คาดเล็กน้อย สะท้อนกำไรสุทธิผ่านจุดต่ำสุดของปีนี้ไปแล้วในช่วงไตรมาส 2/62 ที่ผ่านมา ภาพรวมการโอนกลุ่ม low-rise ยังดีกว่ากลุ่มฯ สะท้อนลูกค้ากลุ่มกลาง-บน ได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV ที่ต่ำกว่ากลุ่มอื่น ในขณะที่ condo ได้ตัวช่วยจากโครงการใหม่ (28 Chidlom เริ่มโอน) ทั้งนี้ momentum การโอนในไตรมาส 4/62 – 2563 คาดยังดี เพราะ 3 condo ทยอยเสร็จพร้อมโอน มูลค่ารวม 11.6 พันลบ โดยมี average take-up rate ราว 54% ทำให้แนวโน้มกำไรสุทธิปี 63 ยังโตได้เล็กน้อย จากปีก่อน และอยู่ในจุดที่ปลอดภัยกว่ากลุ่มฯ ที่ต้องพึ่งพิงการขายในระหว่างปีที่มากกว่า คงราคาเป้าหมายปี 63 ที่ 3.30 บาท/หุ้น แต่ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น BUY (จาก Neutral) โดยราคาหุ้นที่ลดลงมากที่ผ่านมา จนทำให้ราคาปัจจุบัน trade ที่ PER ปี 63 ที่ราว 5.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ SC และกลุ่มค่อนข้างมาก downside จึงจำกัด เราจึงมองเป็นโอกาสสะสม
DEALTA (NEUTRAL, TP 52.90) กำไรสุทธิ 618 ลบ. ต่ำกว่าคาด และ consensus
เรามีมุมมองเชิงลบ DELTA รายงานกำไรสุทธิ 618 ล.บ. ในไตรมาส 3/62 ต่ำกว่าคาด 11% และลดลง -63% จากปีก่อน -29% จากไตรมาสก่อน เพราะค่าเงินบาทแข็ง และลูกค้ากลุ่มมาร์จิ้นสูงคือรถยนต์มียอดขายลดลง ยอดขายในอินเดียลดลง GPM ลดจากปีก่อน และจากไตรมาสก่อน ส่วน SG&A เพิ่มขึ้นหลังผลิตสินค้าให้กับ Delta Taiwan มากขึ้น แนวโน้มไตรมาส 4/62 ยังอ่อนตัวคล้ายไตรมาส 3/62 แนะนำรอ ด้วยราคาเป้าหมาย 52.90 บาท ภาพรวมอุตฯรถยนต์คาดว่าอ่อนตัวไปถึงปี 64 เพราะการพัฒนารถรุ่นใหม่ล่าช้าออกไปจากปัญหาเศรษฐกิจและผลประกอบการกลุ่มรถยนต์ที่อ่อนแอ Delta ดึงสินค้าที่ผลิตในจีนมาให้ไทยผลิตสินค้ามาตรฐาน (ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้ไต้หวัน) ปัจจัยลบเพิ่มคือค่าเงินบาทแข็งค่าและต้นทุนชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคส์เพิ่มขึ้น อุตฯที่ดีคือ Telecom และ IoT เทคโนโลยี่ 5G ที่เริ่มใช้มากขึ้นในปี 2020F จะทำให้กระแส IoT เพิ่มขึ้น
SCC (NEUTRAL, TP 385.0) กำไรไตรมาส 3/62 ลดลงจากไตรมาสก่อนจากธุรกิจซีเมนต์ และปิโตรเคมี
เรามีมุมมอง Neutral ต่อกำไรสุทธิไตรมาส 3/61 ของ SCC ที่ 6,204 ล้านบาท (-35% จากปีก่อน, -12% จากไตรมาสก่อน) แม้ต่ำกว่าตลาดคาดแต่รายการพิเศษส่วนใหญ่เป็น non-cash items หากตัดรายการพิเศษออก กำไรปกติจะอยู่ที่ 7,879 ล้านบาท -9% จากปีก่อน -23% จากไตรมาสก่อน ใกล้เคียงตลาดคาด โดยการลดลงจากปีก่อน มาจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ และแพคเกจจิ้งเป็นหลัก ส่วนการลดลงมากจากไตรมาสก่อนมาจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่เป็น low season ของปันผล ประกอบกับอัตรากำไรยังลดลง เราคาดกำไรปกติไตรมาส 4/62 ยังลดลงจากปีก่อน และจากไตรมาสก่อน จากอัตรากำไรปิโตรเคมียังลดลงต่อ (HDPE -18% QTD) ทั้งนี้เราคงคำแนะนำ NEUTRAL ที่ราคาเป้าหมายปี 63 ที่ 385.00 บาท/หุ้น โดยมองยังไม่ใช่จุดสะสมจากยังมีแรงกดดันจากแนวโน้มกำไรปกติ 4Q19F รออยู่ ในขณะที่การฟื้นตัวของกำไรปกติ 63 เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อน หลักๆมาจากการซื้อกิจการ packaging และยังไม่โดดเด่น ธุรกิจซีเมนต์ และปิโตรเคมีคาดเพียงทรงตัว
ขณะที่กลยุทธ์ในไตรมาส 4/62 แนะนำ Overweight กลุ่มท่องเที่ยว (ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ), กลุ่มอาหาร(วงจรราคากลุ่มโปรตีนขาขึ้น หนุนธุรกิจหมู ไก่ ในเอเชีย), กลุ่มนิคมฯ(ประโยชน์จากสงครามการค้า หนุนการย้ายฐานการผลิตระยะยาวสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้), กลุ่มปันผลสูง, กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยต่ำ, กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งค่า และหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ที่มีผลประกอบการฟื้นตัวเด่น แนะนำไตรมาส 4 Theme : Sign of recovery in earnings : CPF, GFPT, AOT, ERW, AMATA, WHA, ADVANC, JMART, ICHI