ไปกันใหญ่! SET ร่วงเกือบ 20 จุด – mai รูด 4%เกศราเชื่อหุ้นไทยยังไหว จังหวะดีถือยาวถึงปีหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ณ เวลา 14.43 น. อยู่ที่ 1,446.90 จุด ลบ 19.81 จุด หรือ 1.35% ระหว่างวันลงไปแตะระดับต่ำสุดที่ 1,445.05 จุด ขณะที่มูลค่าซื้อขายโดยรวมอยู่ที่ 22,817.11 ล้านบาท โดยการซื้อขายช่วงบ่ายมีแรงเทขายหุ้นขนาดใหญ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง จนดัชนีหลุดแนวรับจิตวิทยาที่ 1,550 จุด

ด้านตลาดหุ้น mai อยู่ที่ 597.74 จุด ลบ 27.87 หรือ 4.45% ระหว่างวันลงไปแตะระดับต่ำสุดที่ 595.56 มูลค่าซื้อขายโดยรวม 2,478.68 ล้านบาท

 

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยช่วงบ่ายปรับตัวลงต่อเนื่องจนติดลบกว่า 20 จุด สวนทางตลาดต่างประเทศ และตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคส่วนใหญ่ที่อยู่ในแดนบวก

แรงขายที่ออกมาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ดัชนีปรับลงทำ New Low ของปีนี้ โดยจุดต่ำสุดเดิมอยู่ที่เดิมที่ 1,459 จุด เมื่อหลุด Low เดิมจึงมีแรงขายเข้ามาเพิ่ม อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าดัชนีจะมีแรงดีดกลับได้และอาจจะปิดตลาดยืนเหนือ 1,450 จุด

ทั้งนี้ ตลาดยังมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว ซึ่งวานนี้มีข่าวรัฐบาลได้เลื่อนการประมูลโครงการใหญ่มูลค่าราว 7 แสนล้านบาท ออกไปเป็นไปปีหน้า รวมถึงโครงการรถไฟฟ้า เห็นได้ว่าจะยังไม่มีเม็ดเงินลงทุนเข้ามามากนัก

“นักลงทุนเชื่อว่าหุ้นจะปรับตัวลงเลยชิงขายก่อนแล้วค่อยกลับเข้าไปช้อนซื้อในราคาที่ต่ำกว่า” นายอภิชาติกล่าว ขณะที่ให้แนวรับ 1,430-1,440 จุด ส่วนแนวต้าน 1,460 จุด

 

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ก.ค.) ว่า เงินบาทอ่อนค่าแรง เแตะ 34.5 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงเช้า การเคลื่อนไหวเป็นไปตามที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนว่ามีโอกาสสูงที่จะมาถึง 34.5 บาทต่อดอลลาร์ และจะมีผลกระทบต่อ SET ในทางสถิติ ทำให้ดัชนีต้องลงมาจนทดสอบ 1,450 จุด หากค่าเงินบาทยังอ่อนต่อเนื่องจนไปถึง 34.8 บาทต่อดอลลาร์ เมื่อคำนวนด้วยสมการถดถอย SET lndex จะมีโอกาสลงต่อถึง 1,430 จุด

ด้านเทคนิค SET ทำสัญญาณ Bearish Breakout ออกจากฐานล่างของรูปแบบ Falling Wedge ที่ใช้เวลาสร้างมากว่า 6 เดือน ตาม Momentum ทางเทคนิค การทำจังหวะหลุดร่วงออกจากกรอบพักตัวขนาดใหญ่แบบนี้ ระยะกลางมีโอกาสที่จะลงต่อเนื่องถึง 1,426 และ 1,394 จุด

 

ด้านนางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้คงยังไม่เห็นกระแสเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลเข้าในตลาดหุ้นไทยมากนัก เพราะการลงทุนในตลาดหุ้นอาเซียนระยะนี้ไม่ใช่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นทั่วโลก

ทั้งนี้เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค ถือว่าตลาดหุ้นไทยยังมีศักยภาพที่ดี ยังมีโอกาสเข้าลงทุนในลักษณะถือยาวจนไปถึงปีหน้า เนื่องจากปัจจุบันราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปในระดับหนึ่ง และเริ่มเห็น valuation อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่ โดยเฉพาะความชัดเจนการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงปลายปีนี้ หรืออย่างช้าต้นปี 59

สำหรับการทยอยประกาศงบการเงินไตรมาส 2/58 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์นั้น ผลประกอบการที่ออกมาถือว่ายังอยู่ในระดับที่ไม่ได้แย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ ภาพรวมระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ในระดับ 2% ถือว่ายังสามารถบริหารจัดการได้ดี แม้ว่าไตรมาส 2/58 จะมีการตั้งสำรองสูง

นอกจากนี้ จากการที่ ตลท.ออกไปนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุน (โรดโชว์) ที่สิงคโปรฺ ก็ได้รับผลตอบรับที่ดี โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ได้กังวลเรื่องใดเป็นพิเศษ แต่ส่วนใหญ่จะสอบถามเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของไทย ต่อจากนี้ ตลท.ก็จะเตรียมเดินทางไปโรดโชว์ที่เมืองนิวยอร์กในช่วงเดือน ต.ค.นี้เพื่อให้มีความต่อเนื่อง

 

ขณะที่นายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET) ในปี 58 ไว้ที่ 1,550 จุด มองการลงทุนของภาครัฐเป็นปัจจัยสนับสนุนหลัก แต่ยังต้องรอดูการอัดฉีดเม็ดเงินของรัฐบาลในรอบใหม่ว่าจะกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ได้มากน้อยเพียงใด ขณะที่เศรษฐกิจไทยปีนี้ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงหลายเรื่อง โดยเฉพาะปัจจัยจากต่างประเทศ ทั้งเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และมาตรการรัดเข็มขัดของบางประเทศ

ทั้งนี้ SET ช่วงครึ่งปีหลังนี้น่าจะยังไม่ไปไหนไกล ขณะที่ต่างชาติยังเป็นการขายสุทธิต่อเนื่อง โดยปีนี้คาดว่าปริมาณการซื้อขายจะอยู่ที่ 4-4.5 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม แนะนำให้นักลงทุนต้องสำรองทางเลือกอื่นๆ เช่น ถือครองเงินสดมากขึ้น หรือ เคลื่อนย้ายไปลงทุนในตราสารอนุพันธ์ ซึ่งถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี เนื่องด้วยนักลงทุนสามารถซื้อประกันความเสี่ยงได้ ตามระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนพอใจ