สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 30 ต.ค. 2562
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 30 ต.ค. 2562
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง ขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณพักวงจรการปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งทำให้นักลงทุนมองว่า เฟดมีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจมากพอที่จะไม่ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในระยะใกล้นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,186.69 จุด พุ่งขึ้น 115.27 จุด หรือ +0.43% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,046.77 จุด เพิ่มขึ้น 9.88 จุด หรือ +0.33% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,303.98 จุด เพิ่มขึ้น 27.13 จุด หรือ +0.33%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มรถยนต์ที่ปรับตัวขึ้นขานรับข่าวการเจรจาควบกิจการระหว่างเปอโยต์และเฟียต ไครสเลอร์ ออโตโมบิลส์ นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทลอรีอัล ได้ช่วยชดเชยการเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอจากธนาคารรายใหญ่ อาทิ ดอยซ์แบงก์ และ ซานแทนเดอร์
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.08% ปิดที่ 398.70 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,765.87 จุด เพิ่มขึ้น 25.73 จุด หรือ +0.45% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,330.78 จุด เพิ่มขึ้น 24.52 จุด หรือ +0.34% ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,910.23 จุด ลดลง 29.39 จุด หรือ -0.23%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนรอผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,330.78 จุด เพิ่มขึ้น 24.52 จุด หรือ +0.34%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันดิบที่สูงขึ้นในตลาด ขณะเดียวกันนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายเพื่อรอดูความชัดเจนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 48 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 55.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 98 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 60.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดของสัญญาทองคำ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,496.7 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.6 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 17.867 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 5.5 ดอลลาร์ หรือ 0.59% ปิดที่ 930.6 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 37 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 1,792.10 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในปีนี้ นอกจากนี้ ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังเป็นปัจจัยที่กดดันสกุลเงินดอลลาร์เช่นกัน
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9904 ฟรังก์ จากระดับ 0.9937 ฟรังก์ แต่หากเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 108.94 เยน จากระดับ 108.81 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3174 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3088 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1124 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1110 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2887 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2861 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.6876 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6865 ดอลลาร์สหรัฐ