EA ดีดกลับ 4% หลังผบห.สยบข่าวลือ “สหกรณ์แท็กซี่” ล้มดีลรถยนต์ไฟฟ้า ยันส่งมอบ Q2/63 ตามแผน

EA ดีดกลับ 4% หลังผบห.สยบข่าวลือ "สหกรณ์แท็กซี่” ล้มดีลรถยนต์ไฟฟ้า ยันส่งมอบ Q2/63 ตามแผน โดย ณ เวลา 10.04 น. อยู่ที่ระดับ 43 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 3.61% สูงสุดที่ระดับ 43 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 42.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 396.54 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ณ เวลา 10.04 น. อยู่ที่ระดับ 43 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 3.61% สูงสุดที่ระดับ 43 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 42.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 396.54 ล้านบาท

โดยราคาหุ้น EA ปรับตัวขึ้นแรงวันนี้หลังวานนี้ปรับตัวลดลงอย่างหนัก จากกระแสข่าวลือว่า “สหกรณ์แท็กซี่” จะล้มเลิกดีลรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 3,500 คัน

ขณะที่ นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าว โดยระบุว่า โครงการดังกล่าวที่ บริษัท ไมน์ โมบิลิตี คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MMC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ EA ถือหุ้นสัดส่วน 99.99% ดำเนินธุรกิจหลักเพื่อประกอบ ผลิต และจัดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ MINE Mobility ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนสุวรรณภูมิพัฒนา จำกัด กลุ่มผู้ให้บริการรถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่) เพื่อตกลงให้จองสิทธิซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ EV) และอะไหล่ จำนวน 3,500 คัน

โดยจะนำไปจดทะเบียนเป็นรถยนต์รับจ้าง เพื่อจำหน่ายให้กับสมาชิกของสหกรณ์ อีกทั้งยังตกลงใช้บริการชาร์จไฟฟ้าจากสถานีชาร์จของกลุ่ม EA ที่ได้ลงทุนเตรียมไว้อำนวยความสะดวกล่วงหน้าแล้วภายใต้ชื่อสถานีชาร์จ EA Anywhere ยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่วางเอาไว้

“ข่าวลือที่ออกมาไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ทุกอย่างยังคงเดินหน้าตามแผน เราทำงานร่วมกับทางสหกรณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อทำให้แผนการผลิตและส่งมอบสอดรับกันทั้งสองฝ่าย โดยคาดว่าจะเริ่มทำการส่งมอบรถได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปี 2563 เป็นต้นไป ซึ่งจะรวมทั้งการผลิตและส่งมอบให้ลูกค้ารายอื่นๆ ที่จองเข้ามาด้วยเช่นกัน” นายอมร กล่าว

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์ว่า ธุรกิจโรงไฟฟ้าของ EA ยังคงดำเนินงานปกติดี โรงไฟฟ้าทั้งหมดผลิตกระแสไฟฟ้าได้ดีกว่าคาด ทำให้กำไรไตรมาส 3/62 คาดจะขยายตัวดีทั้งจากไตรมาสก่อน และเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนแผนธุรกิจอื่นๆ ดำเนินตามแผน โดยโรงแบตฯ เฟสแรก 1 กิ๊กกะวัตต์ โรงงานอยู่ระหว่างการอนุญาตจากทางราชการ แต่บริษัทมั่นใจว่าจะผลิตออกมาได้ในปี 2563 ตามแผน โดยหากล่าช้าออกไป บริษัทก็มีแผนจะใช้โรงงานสำรองรวมถึงใช้โรงงาน Amita ไต้หวัน ทำการผลิตในช่วงแรกได้ ซึ่งได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ยังระบุด้วยว่าโครงการแบตฯไม่ได้อยู่ในประมาณการของเราอยู่แล้ว เราคงน้ำหนัก “ซื้อเก็งกำไร” 57.75 บาท เรามองว่า ราคาหุ้นปรับตัวลงจากความกังวลข้างต้นของนักลงทุนที่ bullish กับเรื่องแบตฯ ที่มาก และเร็วเกินไป สำหรับการลงทุนที่มองโรงไฟฟ้าเป็นฐาน เรามองว่าเป็นโอกาสสะสม

Back to top button