เฟ้นหาหุ้นเด่น พื้นฐานแกร่ง – ฟื้นตัวเร็ว
การเข้าทยอยสะสมหุ้นควรเฟ้นหาหุ้นที่มีพื้นฐานที่แกร่ง และมีข่าวสนับสนุนเป็นระลอก ๆ เพราะเชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวจะช่วยให้ราคาหุ้นมีการฟื้นตัวเร็วขึ้น
เส้นทางนักลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนกับบรรยากาศที่ดัชนี SET ยังแกว่งตัวในกรอบแคบบริเวณ 1,600 จุด (ปิดต่ำ-ปิดสูง) ในบริเวณดังกล่าวไม่เยอะ ซึ่งมองว่ายังไม่แนะนำเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากทิศทางดัชนียังไม่มีความแน่นอน แต่สำหรับการลงทุนเป็นรอบ 3-6 เดือนข้างหน้า มองเป็นจังหวะดีในการทยอยสะสมหุ้น
เนื่องจากว่านักวิเคราะห์บล.ทิสโก้ เล็งเป้า SET ฟื้นตัวขึ้นทดสอบ 1,620 จุด และ 1,650 จุด ตามลำดับ
ทั้งนี้การเข้าทยอยสะสมหุ้นก็ควรเฟ้นหาหุ้นที่มีพื้นฐานที่แกร่ง และมีข่าวสนับสนุนเป็นระลอก ๆ เพราะเชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวจะช่วยให้ราคาหุ้นมีการฟื้นตัวเร็วขึ้น สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับการคาดการณ์ว่าดัชนีจะมีการฟื้นตัว และหุ้นยังมีความปลอดภัยสูง
สำหรับการเฟ้นหาหุ้นโดยจะแยกเป็นประเด็นไป !!!
อย่างเช่นการเน้นหุ้นคาดงบไตรมาส 3/2562 ออกมาดี อาทิ AMATA, BTS, CBG, CHG, EPG, ERW, GPSC, INTUCH, JWD, MINT, MTC, PLANB, PRM, SPALI, SSP, TRUE และ WHA
หุ้นขนาดใหญ่มีสภาพคล่องซื้อขายสูงที่คาดว่าจะเป็นเป้าลงทุนของเม็ดเงิน LTF & RMF ไหลเข้า อาทิ AOT, BDMS, CPALL, PTT, SCB
หุ้นรับอานิสงส์ “ชิม ช้อป ใช้” อาทิ BJC, CPALL, ERW, MINT, SPA
หุ้นรับมาตรการรัฐกระตุ้นบริโภคฐานราก อาทิ CPALL, BJC, AEONTS, KTC, MTC
หุ้นที่ได้อานิสงส์จากการลงทุนของภาครัฐ อาทิ AMATA, ROJNA, WHA, EASTW, CK, SEAFCO, PYLON
หุ้นได้รับอานิสงส์การท่องเที่ยวฟื้น อาทิ AOT, ERW, SPA
หุ้นกลุ่มที่พิสูจน์แล้วว่าราคาหุ้นแข็งแกร่งในช่วงที่โลกวุ่นวายเกี่ยวกับสงครามการค้า คือ AOT, BTS, BEM, BDMS, CPALL, BJC
หุ้นปันผลดี อาทิ EASTW, INTUCH, LH, MAJOR, MCS, NYT, SPALI
ดังนั้นจากหลักทรัพย์ทั้งหมด ซึ่งเหมาะเข้าทยอยสะสมได้อย่างต่อเนื่อง จากราคาหุ้นลงมาต่ำ และราคาหุ้นที่มีโอกาสค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นช่วงต่อไปได้ !!!
เมื่อเจาะลึกพบว่า ให้เป็นดาวเด่น อย่าง บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA มีการคาดการณ์ว่าผลประกอบการยังคงแข็งแกร่ง
โดยทางนักวิเคราะห์มีการคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2562 ที่ 659 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 119% จากงวดเดียวกันของปีก่อน, และเพิ่มขึ้น 58% จากไตรมาสก่อน) จากรายได้การขายที่ดินเพิ่มขึ้น 634% จากงวดเดียวกันของปีก่อน, และเพิ่มขึ้น 175% จากไตรมาสก่อน ตามยอดโอนที่ดินที่เพิ่มขึ้นสูงสุดรายไตรมาสในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 475 ไร่ (โดยในไตรมาส 3/2561 ที่ 39 ไร่, และในไตรมาส 2/2562 ที่ 157 ไร่)
ทั้งนี้ยอดโอนที่ดิน 9 เดือนแรกปี 2562 อยู่ที่ 711 ไร่ ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้
ผลดังกล่าวจึงได้มีการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2562 ที่ 1.73 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) จากยอดโอนที่ดินที่เพิ่มขึ้นที่ 803 ไร่ จากเดิม 599 ไร่
ถัดมา บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC มีการคาดการณ์ว่าผลประกอบการยังคงแข็งแกร่ง
โดยนักวิเคราะห์มีการประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2562 จะทำ New High อีกครั้ง อยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 9.5% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากคาดว่ายอดสินเชื่อเติบโต 5.8 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อน เป็นไปตามกลยุทธ์การขยายสาขา ด้านค่าใช้จ่าย คาดอัตราส่วน Cost-to-income เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาที่ราว 1.3 พันล้านบาท จากไตรมาส 2/2562 ที่ 1.2 พันล้านบาท เป็นไปตามการจ้างพนักงานสาขาเพิ่ม ส่วน Credit Cost คาดจะทรงตัวในระดับใกล้เคียงเดิมที่ 1.3%
ประกอบกับประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 4 ปี 2562 เติบโต อีกทั้งจากงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน ตามการขยายสาขา และธุรกิจใหม่เช่าซื้อรถจักรยานยนต์เริ่มมีสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ทั้งนี้ภายในสิ้นปี 2562 บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 3,900 สาขา เทียบกับ ไตรมาส 2/2562 ที่มีสาขา 3,739 สาขา หรือเพิ่มราวไตรมาสละ 80 สาขา ด้านคุณภาพสินทรัพย์ คาดอัตราส่วน NPL ทยอยปรับตัวลง 2-5 bps มาอยู่ที่ 1.1% จากการควบคุมคุณภาพการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
ผลดังกล่าวทำให้มีการประมาณกำไรสุทธิปี 2562 ที่ 4.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.0% จากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็นไปตามการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อที่คาดว่าจะเติบโต 27% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ดังนั้นจากตัวอย่างหุ้นข้างต้นนักลงทุนสามารถหยิบยกนำไปเป็นแนวทางในการเข้าทยอยสะสมสำหรับการลงทุนเป็นรอบ 3-6 เดือนข้างหน้า