ภาพรวมไม่เป็นใจ SET เสี่ยงลงต่อหลังหลุด 1,450งัด 18 หุ้นสวนภาวะตลาด รอจังหวะอ่อนตัวเข้าเก็บ

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสอ่อนลง หลังหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,450 จุด และมีโอกาสลงไปถึงระดับ 1,400 จุด ขณะที่ความคาดหวังเศรษฐกิจและกำไรตลาดปี 58 ลดลงต่ำกว่าเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม Downside เริ่มจำกัดมากขึ้นหลังปรับตัวลงแรง การลงทุนเน้นหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 เติบโตโดดเด่น หรือปันผลระหว่างกาลไม่ต่ำกว่า 2% หากราคาหุ้นปรับฐานลงตามภาพตลาดจะเป็นโอกาสของการเข้าสะสม


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.18 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.52 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง โดยได้รับปัจจัยถ่วงจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงลง หลังบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการน่าผิดหวัง

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสอ่อนลง หลังหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,450 จุด และมีโอกาสลงไปถึงระดับ 1,400 จุด ขณะที่ความคาดหวังเศรษฐกิจและกำไรตลาดปี 58 ลดลงต่ำกว่าเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม Downside เริ่มจำกัดมากขึ้นหลังปรับตัวลงแรง การลงทุนเน้นหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 เติบโตโดดเด่น หรือปันผลระหว่างกาลไม่ต่ำกว่า 2% หากราคาหุ้นปรับฐานลงตามภาพตลาดจะเป็นโอกาสของการเข้าสะสม

หุ้นเด่นเลือก BCP-BMCL-IFEC-WHA-KBANK-ITD-TRUEIF-CK-STEC-SEAFCO-KTB-THCOM-BTS-IRPC-ADVANC-INTUCH-EE และ HYDRO

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (22 ก.ค.) คงน้ำหนักการลงทุนวันนี้เป็น “กลาง” วันที่ 13 แม้ SET INDEX วานนี้จะปรับฐานลงแรงสวนทางกับภาพรวมตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชีย และหลุดแนว 1,450 จุด แต่เชิงปัจจัยพื้นฐาน ณ ระดับปิด 1,447.44 จุด ซื้อขาย PE Ratio ของ EPS ปี 2558-2559 เท่ากับ 15 เท่า และ 13.07 เท่าตามลำดับ ทั้ง 2 ตัวเลข ใกล้เคียงกับระดับ 1Yr Forward PE Ratio เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปีที่ระดับ -1SD ที่ 14.91 เท่าและ 2Yr Forward ที่ 12.98 เท่าทำให้เชื่อว่า Downside risk ของ SET INDEX จำกัดมากขึ้น โดยหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร อย่าง KBANK/BBL/SCB/KTB ณ ราคาปิดวานนี้ ซื้อขายที่ -2SD ของ 1Yr Forward PBV แล้วเช่นกัน น่าจะช่วยปิดความเสี่ยงจากความอ่อนแอของภาพตลาด ภายใต้ภาวการณ์ลงทุนที่ขาดความเชื่อมั่น

อีกทั้ง ค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ บริเวณ 34.50 บาท/US$ +/- ยังเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติบางกลุ่ม อย่าง Hedge Fund อาจกลับเข้ามาเก็งกำไรตลาดหุ้นไทย หลังงบไตรมาส 2/58 ของบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทยออกมาใกล้เคียงหรือสูงกว่าคาด รวมถึงเข้าสู่ฤดูกาลการจ่ายปันผลระหว่างกาล

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ณ ปัจจุบัน เป็นกลาง การประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า เชื่อว่าเฟดจะส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้เช่นเดียวกับที่ประธานเฟดให้ความเห็นในสัปดาห์ก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ตลาดประเมินไว้ก่อนหน้านี้ จึงไม่น่าจะมีน้ำหนักต่อการกำหนดทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก

แม้ภาพรวมของการลงทุนตลาดหุ้นไทยเป็นไปอย่างเปราะบาง และอ่อนแอ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศอยู่ในระดับต่ำ แต่ภายใต้วิกฤติหรือบรรยากาศที่เงียบเหงา ย่อมมีโอกาสของการลงทุนเช่นกัน หุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/58 ยังเห็นการเติบโตโดดเด่น และ/หรือ ปันผลระหว่างกาลไม่ต่ำกว่า 2% หากราคาหุ้นเหล่านี้ปรับฐานลงตามภาพตลาด ย่อมกลายเป็นโอกาสของการเข้าสะสมเช่นกัน

พร้อมแนะนำให้ติดตามการเคลื่อนไหว การปรับครม.ทีมเศรษฐกิจที่มีเสียงเรียกร้อยจากฝั่งเอกชน มากขึ้น ณ ขณะนี้ หากได้ผู้เข้าร่วมทีมที่เป็นที่ยอมรับในเวทีเศรษฐกิจโลก เชื่อว่าจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะกลับมาเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้เช่นกัน

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “นักลงทุนระยะกลาง กลับมาเลือกสะสมหุ้นในลักษณะ Bottom Fishing เน้นที่ประเด็นพื้นฐานการลงทุน และ/หรือ ผลตอบแทนปันผลทั้งปีไม่ต่ำกว่า 4% เป็นเกณฑ์การเลือกหุ้นลงทุน ภายใต้ภาวะการลงทุนที่อ่อนแอในปัจจุบัน”

Top Pick in Q3/15: BCP/BMCL/IFEC/WHA

Speculative buy: KBANK/ITD

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (22 ก.ค.) ว่า การหลุดแนวรับที่ 1,467 และ 1,450 จุด อย่างรวดเร็ว จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ปรับลดลงตามตลาดหุ้น Dow Jones ที่ -1% เมื่อคืนนี้ หลังผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้

กลยุทธ์หลักแนะนำ “Selective” กลุ่มสื่อสาร อย่าง INTUCH, ADVANC และ TRUEIF รวมถึงกลุ่มรับเหมาฯ CK, STEC และ SEAFCO ต่อไป โดยกลุ่มสื่อสารมีปัจจัยบวกจากการประมูล 4G และ Dividend Yield กลางปีสูงประมาณ 2.5-2.7% ขณะที่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่เริ่มประมูลตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นปัจจัยบวกระยะยาว นอกจากนี้ยังแนะนำ “รอซื้อ” กลุ่มธนาคาร อย่าง KBANK (ทะลุ 184) KTB (ทะลุ 17.1) เมื่อมีสัญญาณ “ฟื้นตัว” ทางเทคนิค หลัง Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ PBV-1 standard deviation

 

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (22 ก.ค.) ว่า SET ปรับตัวลงตามความคาดหวังเศรษฐกิจและกำไรตลาดปี 2558 ลดลงต่ำกว่าเป้าหมายเดิมหาก EPS ตลาด หลังการปรับลดรอบ 2 จะอยู่ที่ 92.17 บาท SET เป้าหมายใหม่สิ้นปี 2558 จะอยู่ที่ 1,427 จุด จึงเน้นหุ้นรายตัวที่มีภูมิคุ้มกันสูงจากเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว THCOM (FV@B51), BTS (FV@B12) และยังเลือก IRPC ([email protected]) เป็น Top pick

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (22 ก.ค.) ประเมินทิศทางดัชนีมีโอกาสอ่อนลงไปที่ระดับ 1,400 ( Forward P/E เฉลี่ย 3 ปี ) – 1,430 จุด ( Forward P/E เท่าตลาดอินโด ) แนะนำ Wait & See และรอเข้าซื้อบริเวณดัชนี 1,400 ต้นๆ แนะนำทยอยซื้อหุ้น High Dividend Yield เช่น ADVANC และ INTUCH

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (22 ก.ค.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค SET เมื่อวันก่อนแกว่งตัวลงจนทำให้ค่า MACD ลบมากที่สุดของเดือนนี้ที่ -9.24 ใต้ signal line แสดงให้เห็นว่า ภาพตลาดจะเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนลงหรือกรอบ sideway down ที่ 1,442-1,460 และยังอยู่ในทิศทางแกว่งตัวผันผวน สัญญาณขาลงยังไม่หมด ภาพตลาดจะยังไร้ทิศทางระยะหนึ่งเช่นเดิม

แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 1,442-1,460

หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไร EE และ HYDRO

Back to top button