EKH กรณีศึกษาหุ้นโรงพยาบาล
ประกาศผลประกอบการไตรมาสสามมาแล้ว สำหรับหุ้นโรงพยาบาลที่คาดว่าจะรู้ผลครบทั้งกลุ่มในสัปดาห์นี้
พลวัตปี 2019 : วิษณุ โชลิตกุล
ประกาศผลประกอบการไตรมาสสามมาแล้ว สำหรับหุ้นโรงพยาบาลที่คาดว่าจะรู้ผลครบทั้งกลุ่มในสัปดาห์นี้
ที่ประกาศออกมาก่อนใคร ก็เป็นบมจ.เอกชัยการแพทย์และบริษัทย่อย หรือ EKH โรงพยาบาลขนาดเล็กที่เจาะตลาดเฉพาะทาง ไตรมาส 3/2562 มีกำไรสุทธิ 47.95 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.08 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 45.49 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.08 บาท
แม้กำไรจะเพิ่มขึ้นไม่มากเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ก็ยังถือว่าเยี่ยมเพราะทำนิวไฮ นับแต่เข้าระดมทุนมาหลายปีก่อน
กำไรสุทธิดังกล่าวที่ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าไตรมาสนี้จะทำได้ 48.0 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิ 9 เดือนโดดเด่นอย่างมาก และคาดหมายว่า หากทำเป้าหมายได้ตามคาดคือครึ่งหลังของปีนี้จะดีมาก ๆ ยิ่งทำให้ค่าพี/อีของบริษัทต่ำลงไปอีกจากปัจจุบันที่ระดับ 25 เท่า ถือว่าต่ำสุดในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ที่โดยทั่วไปสูงเกิน 35 เท่า
แนวโน้มผลประกอบการที่เติบโตเด่นสุดในกลุ่มโรงพยาบาล จากการที่ด้านสถานะทางการเงินของ EKH ค่อนข้างแข็งแกร่ง ไม่มีภาระหนี้ และระดับ ROE ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อนที่ 13.9% เป็น 17% คำแนะนำ “ซื้อ” โดยปรับราคาเหมาะสมปี 2563 ที่ 9.00 บาท จึงค่อนข้างจะน่าสนใจ ทั้งที่ประเด็นคำถามคืออะไรทำให้ EKH มาสู่จุดนี้ได้
คำตอบน่าจะเป็นวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ที่เปลี่ยนโรงพยาบาลย่านชานกรุงฯ จากรักษาโรคทั่วไป มาสร้างจุดขายใหม่ทางการตลาด
จุดขายที่ว่าคือการอ่านยุทธศาสตร์ภาพรวมที่จีนเปิดกว้างในเรื่องการเสริมส่งให้คนมีบุตรเพิ่ม ด้วยการสร้างศูนย์กุมารเวช เพื่อรับคำสั่งจองจากผู้ที่ต้องการมีบุตรเพิ่มและมีกำลังซื้อสูงแทนที่ตลาดผู้ป่วยในประเทศ
ความสำเร็จจากการมีวิสัยทัศน์ที่ถูกต้อง ทำให้รายได้และกำไรสองปีหลังของ EKH ก้าวกระโดดเหนือกลุ่ม และไม่เชื่อมโยงกับความผันผวนทางเศรษฐกิจไทย
ล่าสุดวิสัยทัศน์ใหม่ที่ดัดแปลงจากเดิมกำลังถูกต่อยอด ด้วยการเน้นแผนเปิดศูนย์การแพทย์เฉพาะทางต่อเนื่อง โดยเดือนตุลาคม เตรียมเปิดศูนย์กุมารเวชแห่งใหม่ ขนาด 60 เตียง ซึ่งจะช่วยลดความแออัด จากที่ศูนย์กุมารเวชเดิมค่อนข้างหนาแน่น แล้วเพิ่มบริการศูนย์ ตา หู คอ จมูก และ ศูนย์ทันตกรรมช่วยเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้ป่วยเฉพาะทางที่มีรายได้ ตามมาด้วยแผนจะเปิดศูนย์ผู้สูงอายุในปี 2564 สอดคล้องกับข้อมูลของ United Nations World Population Aging ที่คาดการณ์ว่าในปี 2564 ไทยจะเข้าสู่สังคมประชากรสูงวัยแบบสมบูรณ์ โดยมีผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปี เกิน 20% ของจำนวนประชากรทั้งหมด หนุนให้ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องในระยาว
การขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ที่สร้างจุดขายให้บริการเช่นนี้ ทำให้ EKH สามารถหลีกหลบสงครามราคารักษาอัตรากำไรสุทธิไว้ดีขึ้น แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
ประมาณการกำไรปี 2562 เติบโตโดดเด่น 29% เทียบจากปีก่อน เป็น 152 ล้านบาท อาจจะเป็นข่าวดีระยะสั้น แต่ในระยะยาว ชวนให้ตั้งคำถามว่า การเติบโตที่ยั่งยืนดังว่า จะดำรงต่อไปได้อีกนานเพียงใด
สถานการณ์เงินของ EKH แข็งแกร่ง ไม่มีภาระหนี้สิน และระดับ ROE ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี แม้จะยังมีกำไรต่อหุ้นต่ำ กำไรสะสมต่ำ และปันผลต่ำด้วย น่าจะทำให้ EKH เป็นหุ้นที่นักลงทุนเน้นคุณค่าชอบเป็นพิเศษ
เพียงแต่ไม่ได้มีข้อห้ามอะไรว่านักลงทุนเก็งกำไรระยะสั้นจะข้องแวะไม่ได้