BKD ลั่นรายได้ปีนี้โตตามเป้า 10% ฟากงบ Q3/62 มีกำไร 5.13 ล้านบาท
BKD ลั่นรายได้ปีนี้โตตามเป้า 10% ฟากงบ Q3/62 มีกำไร 5.13 ล้านบาท
บริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด (มหาชน) หรือ BKD รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/62 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 มีกำไรสุทธิดังนี้
โดยผลประกอบการลดลงเนื่องจากรายได้รวมไตรมาส 3/62 อยู่ที่ 536.37 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 930.37 ล้านบาท อย่างไรก็ตามไตรมาส 3/62 ต้นทุนการดำเนินงานลดลงอยู่ที่ 369.94 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 9671.65 ล้านบาท ซึ่งเป็นการบริหารจัดการต้นทุนธุรกิจได้เป็นอย่างดี
อนึ่งก่อนหน้านี้ นางนุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบางกอกเดค-คอน จำกัด(มหาชน) หรือ BKD เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้บริษัทยังให้ความสำคัญกับการรับงานที่มีคุณภาพให้ผลตอบแทนที่ดีมากกว่าเน้นปริมาณงาน โดยช่วงครึ่งปีแรกจะเน้นรับงานภาคเอกชนเป็นหลักสัดส่วนรายได้กว่า 80% ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าหลักคือกลุ่มโรงแรมและกลุ่มโรงพยาบาล ซึ่งจะมีทั้งการตกแต่งใหม่และการปรับปรุง ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือประมาณ 1.2 พันล้านบาท
“ลูกค้ากลุ่มโรงแรมและกลุ่มโรงพยาบาล ถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่บีเคดีมีความเชี่ยวชาญและได้รับการยอมรับฝีมือจากลูกค้า ทั้งในส่วนที่ตกแต่งใหม่และรีโนเวท โดยกลุ่มโรงแรมจะอยู่ที่ภาคใต้เป็นส่วนใหญ่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินงาน 3 แห่ง และรอประมูลอีก 3-4 แห่ง นอกจากนี้ก็ยังมีโรงแรมที่ภาคเหนือ ส่วนกลุ่มโรงพยาบาลก็จะมีงานของโรงพยาบาลธนบุรี โรงพยาบาลพระรามเก้า เป็นต้น ”นางนุชนารถ กล่าว
ทั้งนี้ การที่บริษัทมีงานตกแต่งภายในกลุ่มโรงแรมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบริษัทมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มผู้ประกอบที่ยอมรับฝีมือและคุณภาพงานของบริษัท ภายใต้ราคาสมเหตุสมผล นอกจากนี้ฐานะการเงินของบริษัทก็มีความแข็งแกร่ง ทำให้ลูกค้ามั่นใจว่างานจะไม่มีปัญหา โดยลูกค้ากลุ่มโรงแรมที่ถือว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีและยอมรับฝีมือการตกแต่งภายในของบริษัทเช่น กลุ่มแอทเสทเวิร์ด (AWC) กลุ่มยูซิตี้ เป็นต้น
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยในส่วนของธุรกิจตกแต่งภายในบริษัทได้ตั้งเป้าหมายว่ารายได้จะเติบโตประมาณ 10% โดยหลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อย จะทำให้ภาคเอกชนมีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้จะเริ่มเห็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ ซึ่งบริษัทจะได้รับอานิสงส์จากโครงการลงทุนต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน อย่างไรก็ตามในปีนี้ยังประเมินว่าสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทยังจะมาจากภาคเอกชน ส่วนปีหน้าก็จะเริ่มมีสัดส่วนรายได้จากภาครัฐเพิ่มขึ้น