หลุดแนวรับ..ไหลลงต่อ

*แรงขายที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวานนี้ทำให้สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยตกอยู่ในภาวะลำบากมากขึ้นกว่าเดิม เพราะดันทำให้ดัชนีไหลลงมาต่ำกว่าเส้นแนวรับ 75 วัน และ 200 วัน ซึ่งในทางสัญญาณเทคนิคเหมือนเป็นการบอกให้รู้ว่า หากวันนี้ไม่เด้งกลับขึ้นไปปิดเหนือเส้นแนวรับดังกล่าว ดัชนีมีสิทธิไหลลงไปหาแนวรับแรกที่บริเวณ 1,600 จุด ก่อนจะทะลุลงไปหาฐานเก่าที่บริเวณ 1,580 จุด นะจะบอกให้


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*แรงขายที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวานนี้ทำให้สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยตกอยู่ในภาวะลำบากมากขึ้นกว่าเดิม เพราะดันทำให้ดัชนีไหลลงมาต่ำกว่าเส้นแนวรับ 75 วัน และ 200 วัน ซึ่งในทางสัญญาณเทคนิคเหมือนเป็นการบอกให้รู้ว่า หากวันนี้ไม่เด้งกลับขึ้นไปปิดเหนือเส้นแนวรับดังกล่าว ดัชนีมีสิทธิไหลลงไปหาแนวรับแรกที่บริเวณ 1,600 จุด ก่อนจะทะลุลงไปหาฐานเก่าที่บริเวณ 1,580 จุด นะจะบอกให้

*สถานการณ์ตรงจุดนี้เป็นเรื่องที่ “โมนิก้า” อยากเม้าท์ให้ฟังมากกว่าเรื่องอื่น ๆ เพราะตัวแปรหลายอย่างไม่เป็นเหมือนกับที่คาดการณ์ไว้ จึงเกิดอาการหวั่นใจมากขึ้นเป็นทวีคูณ ว่าการทรุดตัวลงมาปิดที่ 1,615.14 จุด ลบไป 11.06 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.24 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นการบอกใบ้ถึงเสน่ห์ความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยไม่เซ็กซี่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว จึงหันมาขายหุ้นถี่ขึ้นเรื่อย ๆ พะยะค่ะ

*ประเด็นดังกล่าวเชื่อมโยงกับกำไรของทั้งตลาดจะเหลือถึง 105 บาทต่อหุ้นหรือเปล่า ? เพราะเมื่อเอาสมมติฐานดังกล่าวมาเทียบเคียงบนค่า P/E 15 เท่า ก็จะเห็นเป้าหมายของดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,575 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของการเล่นในปี 2562 “โมนิก้า” ถึงนั่งภาวนาให้สถานการณ์ต่าง ๆ ไม่เลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่ เพราะที่เป็นอยู่ทุกวันนี้แทบจะ “กลืนไม่เข้า คายไม่ออก” แล้วนะพ่อทูนหัว

*วันนี้ถึงไม่ต้องเอาเรื่องนั้น เรื่องนี้ มาอธิบายให้มากความ เพราะสิ่งที่เห็นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาคือ ฝรั่งหัวทองยังไม่กลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยหนัก ๆ วันละ 1-2 พันล้านบาทเสียที! ส่งผลให้ฐานรากของการขึ้นในแต่ละรอบไม่มั่นคงเสียที ซึ่งเป็นชนวนเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยต้องผ่านกระบวนการตั้งไข่ล้มเป็นประจำ “โมนิก้า” ถึงพยายามไม่ฝืนธรรมชาติของการลงทุนแบบไม่มีเหตุผล เพราะมันไม่ก่อประโยชน์อะไรเลยพับผ่าซิ!

*เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหุ้น STEC ถูกถล่มเทขายอย่างหนักในช่วงภาคบ่าย ก็เป็นผลมาจาก ป.ป.ช.สั่งฟันผู้บริหารระดับสูง กับเจ้าหน้าที่รัฐเรื่องทุจริตสินบนข้ามชาติโรงไฟฟ้าขนอม “โมนิก้า” มองเป็นหนังเรื่องยาวที่ต้องดูกันต่อไปเรื่อย ๆ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นสั่นสะเทือนวงการพอสมควร ผนวกกับมีประเด็นลึกลับซับซ้อนที่ขาเผือกเม้าท์กันให้แซ่ด..ดด ไม่เลิกแบบนี้ เรื่องคงไม่จบอยู่เพียงแค่นี้แน่ ๆ เจ้าค่ะ

*เนื่องจากข่าวสารที่ปรากฏทั้งสื่อเก่า..สื่อใหม่ ล้วนพุ่งเป้าถล่มไปยังพรรคภูมิใจไทย และตัวของ “เสี่ยหนู” เลยทำให้ผู้คนในตลาดหุ้นสงสัยถึงเรื่องราวต่าง ๆ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? และจนป่านนี้ก็ยังไม่มีใครเอ่ยปากพูดถึงรอยปริที่เกิดขึ้นในช่วง 1 เดือนสักที “โมนิก้า” เลยไม่สามารถบอกเล่าถึงการอ่อนตัวลงมาปิดที่ 14.40 บาท ลบไป 3.50 บาท หรือลงไป 19.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.59 พันล้านบาท มันเกี่ยวโยงกับข่าวร่ำลือในตลาดหุ้นกันจริงอ๊ะป่าว!

*เม้าท์ถึงเรื่องของชาวหุ้นขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงต้องเหลือบตาไปมองหุ้น ACAP เพื่อชี้ให้เห็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติของการทำธุรกิจในเที่ยวนี้ น่าจะมาจากโครงสร้างของธุรกิจที่บิด ๆ เบี้ยว ๆ ผนวกกับมีเรื่องฉาวโฉ่เข้ามาพัวพันแบบอีนุงตุงนัง เดี๊ยนถึงไม่แปลกใจที่งบไตรมาส 3 ขาดทุนสูงถึงระดับ 78 ล้านบาท ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้บริษัทแห่งนี้ขาดทุนเรื้อรังก็เป็นไปได้ เพราะทุกวันนี้ผู้คนมากมายรู้สึกยี้กับการไม่ตรงไปตรงมาในการใช้เงิน จึงกลายเป็นตัวอย่างของหุ้นที่หมดอนาคตไปแล้วนะคะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกหดหู่ใจอย่างแรง จึงขอเปลี่ยนบรรยากาศไปเม้าท์ถึงสิ่งสวย ๆ งาม ๆ เพื่อความบันเทิงใจกันบ้างดีกว่า จึงขอเปิดเรื่องด้วยหุ้นน้องใหม่ฟอร์มดีอย่างเช่น ACE หลังวานนี้ประคองตัวปิดที่ 4.64 บาท บวกไป 0.24 บาท เหนือไอพีโอ 5.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.61 พันล้านบาท ก็เป็นอีกช็อตหนึ่งที่ต้องตามไปดูอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะแผน growth ที่ประกาศให้โลกรู้..สามารถทำได้จริง!..งานนี้มีเฮแน่นอนค่ะ

*ไหน ๆ เม้าท์ถึงเรื่องแฮปปี้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงเทน้ำหนักไปยังหุ้น BGRIM ซึ่งมาพร้อมกับเรื่องดี ๆ มากมายหลายอย่าง โดยเฉพาะในมุมของการสร้างกำไรที่ทำมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี จนเริ่มปรากฏให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงกลายเป็นหุ้นที่น่าเล่นมากสุดตัวหนึ่งในห้วงเวลานี้ และการอ่อนตัวลงมาปิดที่ 50.75 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 3.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.54 พันล้านบาท คือโอกาสซื้อของถูก..ไม่เชื่อน้องโม ระวังจะเสียใจนะคุณพี่..อิอิอิ

*ป.ล.ขอทิ้งท้ายกันที่การส่งข้อมูลสำคัญเพื่ออัพโหลดเข้าระบบให้ ตลท.ผิด ถือเป็นความรับผิดชอบของบริษัทนั้น ๆ น้องโมจึงอยากให้ CFO เพิ่มความระมัดระวังกันหน่อย เพราะหน่วยงาน ก.ล.ต. กับ ตลท. ยุคสมัยนี้..ไม่ได้เป็นพี่เลี้ยงเหมือนสมัยก่อน..ความใกล้ชิดกับบริษัทจดทะเบียนเลยห่างกันไปมากก็เท่านั้นเอง!..เดี๊ยนได้ยินเขาเม้าท์กันแบบนี้แล้ว..ขอร้องไห้หน่อยนะ..ฮือ..ฮือ..ฮือ!

Back to top button