BOS ธุรกิจใหม่ไร้คู่แข่ง
สัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาอันแสนเจ็บปวดยิ่งของ “หุ้นน้องใหม่” แม้เป็นสัปดาห์ที่มีหุ้นไอพีโอ เข้าซื้อวันแรกมากถึง 4 หุ้นก็ตามและหนึ่งใน 4 หุ้นที่ราคาต่ำจองมากสุด หนีไม่พ้นบริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ BC เข้าซื้อขายวันแรกปรับตัวลงมากถึง 30% จากราคาไอพีโอ 2.86 บาท
พลวัตปี 2019 : สุภชัย ปกป้อง
สัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาอันแสนเจ็บปวดยิ่งของ “หุ้นน้องใหม่” แม้เป็นสัปดาห์ที่มีหุ้นไอพีโอ เข้าซื้อวันแรกมากถึง 4 หุ้นก็ตามและหนึ่งใน 4 หุ้นที่ราคาต่ำจองมากสุด หนีไม่พ้นบริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ BC เข้าซื้อขายวันแรกปรับตัวลงมากถึง 30% จากราคาไอพีโอ 2.86 บาท
จึงถูกตั้งคำถามขึ้นว่า เกิดอะไรขึ้นกับหุ้น BC ทำไมผู้ที่ได้รับจัดสรรหุ้นไอพีโอถึงเทขายหนักขนาดนี้ แม้ว่าต้อง“ขายขาดทุน” ก็ตาม แน่นอนว่าความผันผวนของตลาดหุ้นไทย พร้อมกับ “แรงแพนิกเซล” หุ้นไอพีโอที่เข้าซื้อขายช่วงก่อนหน้า เป็นตัวกดดันหลักต่อหุ้น BC อย่างปฏิเสธไม่ได้..!
อีกปัจจัยที่มีผลต่อหุ้น BC อยู่ไม่น้อย นั่นคือโมเดลธุรกิจของ BC ที่เรียกว่า BOS Model (Build-Operate-Sell) ถือเป็นโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม, เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์, ศูนย์การค้าและสำนักงานให้เช่าต่าง ๆ
ด้วยความที่เป็น “โมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่” ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ จึงอาจยังไม่ค่อยเข้าใจ จนนำไปสู่ความไม่มั่นใจว่า “ผลตอบแทนจากการลงทุน” จากธุรกิจดังกล่าวเป็นอย่างไร มากหรือน้อยเพียงใด ที่สำคัญความเสี่ยงเป็นอย่างไรบ้าง..!?
สำหรับโมเดล BOS หรือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รูปแบบสร้าง-ดำเนินงาน-ขาย (Build-Operate-Sell) จะเริ่มตั้งแต่ Build คือการจัดหาที่ดิน การศึกษาความเป็นไปได้ การออกแบบและการก่อสร้าง ตามด้วย Operate คือการเปิดดำเนินการหรือให้บริการ เพื่อเก็บเกี่ยวกระแสเงินสดและผลตอบแทนการลงทุนไปก่อน จากนั้นจึงเป็นการ Sell คือการขายโครงการให้ผู้ประกอบการหรือนักลงทุนรายอื่น ๆ ต่อไป
เท่ากับว่าผลตอบแทนการลงทุนมี 2 ช่วง คือช่วงเปิดดำเนินงาน นั่นหมายถึงเป็นการสร้างกระแสเงินสดให้ BC เพื่อนำกระแสเงินสดมาใช้เป็นทุนหมุนเวียนหรือต่อยอดสู่โครงการใหม่ (ในระหว่างรอขาย) และช่วงการขายโครงการออกไป แน่นอนว่าราคาขายจะสูงและมีอัตรากำไรสูง เนื่องจากโครงการดังกล่าว เปิดดำเนินการแล้ว มีลูกค้าและผู้ใช้บริการอยู่แล้ว จากสถิติอัตรากำไรขั้นต้นจากการดำเนินงานประมาณ 50-60% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิจากการขายประมาณ 45-50% โดยวงจรธุรกิจ BOS ใช้เวลาเฉลี่ย 3-4 ปี
ถือเป็นพลวัตทางธุรกิจ ที่น่าสนใจทั้งในแง่ผู้ประกอบการ ถือเป็นการผสมผสานกันระหว่าง “ธุรกิจสร้างเพื่อขาย” กับ “ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ” ปัจจุบันธุรกิจ BOS มี BC ดำเนินการอยู่เพียงรายเดียวเท่านั้น จึงไม่ปรากฏคู่แข่งโดยตรงของธุรกิจนี้..
ในแง่นักลงทุนหรือผู้ประกอบการอื่น ๆ ที่ต้องการเป็นเจ้าของโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ หรือศูนย์การค้า จึงไม่จำเป็นต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ แต่สามารถซื้อกิจการเหล่านี้ได้จาก BC และที่สำคัญถือเป็นการสร้างการเติบโตทางลัด ผ่านรายได้และกำไรทันที
ที่ผ่านมา..การจะเป็นเจ้าของโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ศูนย์การค้าต่าง ๆ ต้องใช้ความชำนาญทางธุรกิจตั้งแต่เริ่มหาที่ดินจนเปิดดำเนินการ ต้องแบกรับความเสี่ยงต่าง ๆ กว่าจะริเริ่มสร้างผลตอบแทนขึ้นมาได้
สรุปความกันง่าย ๆ ธุรกิจ BOS ก็คือ “การลงทุนสร้างแล้วเปิดให้บริการเพื่อรอขาย” นั่นเอง.!!