พาราสาวะถี

บอกแล้วว่าการปฏิรูปโดยเฉพาะอย่างยิ่งมิติทางการเมืองเป็นเรื่องเพ้อพก และเป็นการหยิบยกใช้อ้างในการยึดอำนาจของคณะเผด็จการคสช.เท่านั้น อีกทางก็เพื่อการันตีการก่อม็อบของมวลมหาประชาชนไม่ได้ล้มเหลว แต่พอวันเวลาผ่านไปนานกว่า 5 ปี สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ายืนยันชัดเจนว่า การเมืองของประเทศไทยนั้นได้ผ่านกระบวนการปฏิรูป ขัดล้างให้เอี่ยมอ่อง มองเห็นอนาคตสดใส ทัดเทียม ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงหรือไม่


อรชุน

บอกแล้วว่าการปฏิรูปโดยเฉพาะอย่างยิ่งมิติทางการเมืองเป็นเรื่องเพ้อพก และเป็นการหยิบยกใช้อ้างในการยึดอำนาจของคณะเผด็จการคสช.เท่านั้น อีกทางก็เพื่อการันตีการก่อม็อบของมวลมหาประชาชนไม่ได้ล้มเหลว แต่พอวันเวลาผ่านไปนานกว่า 5 ปี สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ายืนยันชัดเจนว่า การเมืองของประเทศไทยนั้นได้ผ่านกระบวนการปฏิรูป ขัดล้างให้เอี่ยมอ่อง มองเห็นอนาคตสดใส ทัดเทียม ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงหรือไม่

คำตอบมันชัดเจนอยู่แล้วว่า หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ นอกจากไร้ความเปลี่ยนแปลงแล้ว ยังถอยหลังเข้าคลอง ชนิดน้องหนูยุคใหม่ที่ยังไม่เคยเห็นการเมืองน้ำเน่ายุคสมัยเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว บริบทการเมืองที่กำลังเคลื่อนตัวอยู่ในเวลานี้เป็นเสมือนหนังย้อนอดีตที่ทำให้คนรุ่นใหม่ได้สัมผัสว่า วิธีการเดินเกมแบบสามานย์ไม่สร้างสรรค์นั้นเป็นอย่างไร พวกที่ปากบอกว่าต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง เล่นการเมืองแบบใหม่ แต่พฤติกรรมและคำพูดมันสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง

จับคู่ความขัดแย้งต่างขั้วระหว่างพรรคสืบทอดอำนาจกับพรรคอนาคตใหม่ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเวลานี้ เด่นชัดยิ่งว่าฝ่ายหลังปลุกกระแส อยู่ไม่เป็น” เพื่อที่จะจุดประกายให้สังคมมีส่วนร่วมว่า อย่าอยู่เฉย ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปตามใจของเผด็จการสืบทอดอำนาจปรารถนา ถ้าเป็นเช่นนั้นมันจะไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในทุกมิติสำหรับบ้านเมือง แต่เพียงแค่จุดประเด็นยังไม่เข้าสู่โหมดกิจกรรม พรรคน้องใหม่ไฟแรงก็ถูกโจมตีหนักหน่วงด้วยข้อหา ชังชาติ”

ไม่เพียงเท่านั้นพรรคสืบทอดอำนาจที่มีสื่อบางสำนักหนุนหลังชัดเจน และด้วยความที่ภายในองค์กรคลาคล่ำไปด้วยพวกสายดำ มันจึงทำให้เกิดการพลิกตำราสาดกลับอนาคตใหม่ในทุกท่วงทำนอง เวลานี้เห็นได้ชัดว่ามีการผุดวลี อยู่เย็นเป็นสุข” ปลุกเร้าให้คนที่เป็นกองเชียร์หรือคนโดยทั่วไป มองการกระทำของฝ่ายตรงข้ามที่พยายามสร้างกระแสอยู่ไม่เป็นเพื่อให้บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงนั้น กลายเป็นสิ่งเลวร้าย ทำลายชาติและทำลายความสงบสุขของบ้านเมืองไปเสียฉิบ

มิหนำซ้ำ นักการเมืองหญิงบางรายในชายคาของพรรคสืบทอดอำนาจยังตีหน้าเศร้าเล่าถึงเหตุผลที่ต้องกระโจนมาเล่นการเมืองกับพรรคของเผด็จการ โดยอ้างปัจจัยเป็นพรรคที่ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งและแสวงหาความร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อพาบ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ทั้ง ๆ ที่คนทั่วไปก็รู้กันอยู่ว่านักการเมืองรายนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างไร โดยเฉพาะกับเรื่องคดีความของครอบครัว รวมไปถึงความผูกพันกับเนติบริกรคนสำคัญของรัฐบาลเผด็จการ

แต่ไม่ว่าจะสร้างวาทกรรมอย่างไร วันนี้คนไทยส่วนใหญ่ต่างรู้ดีว่า การเมืองเป็นเรื่องที่ต้องไปสะสางกันเอาเอง สิ่งที่คนอยากเห็นคือฝ่ายบริหารจะทำอย่างไรให้คนส่วนใหญ่อยู่ดีกินดี ไม่ใช่มองไม่เห็นอนาคตเหมือนที่กำลังเผชิญอยู่ ประเภทแจกแหลกแล้วหน้าบานกับตัวเลขของผู้คนที่แห่แหนไปรับอานิสงส์ของประชานิยมจำแลงนั้น ทำได้ทำไปไม่มีใครว่า จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้เท่าหยิบมือก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ขอให้เห็นภาพใหญ่ที่ทำให้คนเชื่อได้ว่ายังมีความหวังหน่อยได้ไหม

ตัวเลขเศรษฐกิจโดยภาพรวมมันชัดเจนอยู่แล้วว่า ฟื้นหรือฟุบ ประกอบกับคำสารภาพของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่วันนี้แปรสภาพตัวเองมีนั่งควบเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจไปด้วย ขณะที่อดีตหัวหน้าทีมเศรษฐกิจยุครัฐบาลเผด็จการก็ออกอาการถอดใจ มองไปทางไหนไม่เห็นถึงสัญญาณอันสดใสแวววาว มิหนำซ้ำ ยังเริ่มเห็นเค้าลางของความขัดแย้งภายในรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งจุดนี้สำคัญใหญ่หลวงยิ่งกว่าการไปตั้งป้อมชวนซีกฝ่ายค้านทะเลาะเสียอีก

ปมประธานกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาและวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อันปรากฏชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปะทะ สุชาติ ตันเจริญ ที่เห็นถึงรอยปริแยกรอวันเอาคืนระหว่างประชาธิปัตย์กับพลังประชารัฐนั้นถือว่าเล็กน้อย เพราะเก้าอี้ดังว่าไม่ได้สลักสำคัญมาก สุดท้ายไม่ว่าฝ่ายไหนได้ไปก็ต้องไปแบกภาระอันหนักอึ้งบนบ่า ในการที่จะทำให้กระบวนการที่นำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญประสบความสำเร็จ ซึ่งมองดูแล้วคงยากพอ ๆ กับวิธีการแก้ไขที่วางกับดักล็อกกลอนแน่นไว้ในรัฐธรรมนูญ

ประเด็นที่น่าเป็นห่วงคงเป็นเรื่องท่าทีของภูมิใจไทย ที่ อนุทิน ชาญวีรกูล โวยวายต่อขบวนการทำลายล้าง ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มากกว่า เพราะรู้กันอยู่ทำไมจึงเกิดการโจมตีอย่างต่อเนื่องจากสื่อในสังกัดพรรคสืบทอดอำนาจ ไม่ใช่ปัจจัยแต่เก่าก่อนที่เคยมีปมคาใจกันในสมัยที่แกนนำพรรคสีน้ำเงินยังอยู่ใต้ชายคาระบอบทักษิณ เนื่องจากผู้บริหารสื่อดังว่าในปัจจุบันได้เปลี่ยนโฉมไปจนไม่เหลือคราบไคลของเดิมอยู่แล้ว

ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องของการตีอย่างมีเป้าหมาย เล่นงานเพื่อให้ยุบให้ล่าถอย หากสำเร็จก็หมายความว่าป้อมค่ายที่พรรคสืบทอดอำนาจจับจองไว้ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งจะถูกยึดกลับมาอยู่ในมือพรรคสืบทอดอำนาจอีกครั้ง ซึ่งการเดินเกมในลักษณะนี้มีความเสี่ยงสูง อย่าลืมเป็นอันขาดแม้ “เสี่ยโอ๋” จะนามสกุลเดียวกันกับคนชื่อ เนวิน ชิดชอบ ที่ต้นทุนทางการเมืองต่ำ ทว่าน้องชายของยี้ห้อยนั้นกระบวนทางในการขับเคลื่อนทางการเมืองเต็มไปด้วยความรัดกุม

เนื่องจากเข้าใจดีว่าไม่ได้มีแค่เพียงพรรคสืบทอดอำนาจเท่านั้นที่จ้องเล่นงาน แม้แต่พรรคที่เป็นมิตรต่อกันในรัฐบาลอย่างประชาธิปัตย์ก็เกิดอาการปีนเกลียว ขัดคอกันอยู่ไม่น้อยจากการจัดสรรปันส่วนงานภายในกระทรวงหูกวาง จึงทำให้เจ้าตัวต้องตั้งการ์ดสูง เพราะพลาดเมื่อไหร่นั่นหมายถึงหายนะของทั้งพรรค แต่อย่างที่บอกพรรคที่มีเสี่ยหนูกุมบังเหียนนั้น ต้องไปถามท่านผู้นำว่ากล้าที่จะปล่อยให้ลิ่วล้อเล่นงานกันจนแหลกลาญหรือไม่ หุบเหวปลายทางที่รออยู่นั้นเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ดีไปกว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ

Back to top button