STC ลุยเทรดวันนี้ลุ้นวิ่งเหนือจอง ผบห.ลั่นผลงานปีนี้ “นิวไฮ” รับแผนขยายฐานหนุนรับงานเพิ่ม

STC ลุยเทรดวันนี้ลุ้นวิ่งเหนือจอง ผบห.ลั่นผลงานปีนี้ "นิวไฮ" รับแผนขยายฐานหนุนรับงานเพิ่ม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (29 พ.ย.62) บริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ จำกัด (มหาชน) หรือ STC จะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์  เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยมีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลท. และจำนวนหุ้นชำระแล้ว 568 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 284 ล้านบาท

ทั้งนี้ STC เสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 148 ล้านหุ้น แบ่งเป็น การจัดสรรให้กับประชาชนทั่วไป จำนวน 145 ล้านหุ้น และกรรมการ ผู้บริหาร หรือพนักงานของบริษัทหรือบริษัทย่อย (ESOP) จำนวน 3 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขาย IPO หุ้นละ 1 บาท ระหว่างวันที่ 20-22 พ.ย.62

นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม สายงานวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า มั่นใจว่าหุ้น STC จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ในวันซื้อขายวันแรกและเชื่อว่าจะเป็นหุ้นที่อยู่ในใจนักลงทุนอีกตัวหนึ่งในระยะยาว

ขณะที่ภายหลังการระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ครั้งนี้ ยิ่งทำให้ STC มีความแข็งแกร่งขึ้น โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนหลังหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ประมาณ 141.30 ล้านบาท จะนำไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และ/หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินการของบริษัท เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม

“STC เป็นน้องใหม่ IPO ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน นอกจากจะเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งแล้ว การดำเนินธุรกิจในอนาคตมีโอกาสเติบโตสูง ในฐานะผู้นำธุรกิจคอนกรีตในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ที่มีสินค้าและบริการครบวงจรที่สุด ได้อานิงส์อย่างชัดเจนจากการลงทุนใน EEC” นายรัฐชัย กล่าว

นายรัฐชัย กล่าวอีกว่า STC เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 148 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 1 บาท ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย P/E ย้อนหลังของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มีธุรกิจที่ใกล้เคียงกัน แม้จะเป็นหุ้นขนาดเล็กแต่มีความโดดเด่นด้านศักยภาพการเติบโต จากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยฉพาะในพื้นที่เมืองจังหวัดชลบุรี และในเขตพัฒนาระเบียงพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

โดย STC มีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ตั้งแต่งานฐานรากไปจนถึงงานอาคาร พร้อมทั้งบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจต่อผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการปรับปรุงสูตรผสมคอนกรีตให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อควบคุมต้นทุนและการบริหารจัดการกำลังการผลิตเพื่อให้เกิดการประหยัดขนาดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ด้านนายเอกชัย ชัยตระกูลทอง กรรมการผู้จัดการของ STC เชื่อมั่นว่าหุ้น STC ที่จะเข้าซื้อขายใน mai วันพรุ่งนี้ จะสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุนได้ เนื่องจากบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ประกอบกับแนวโน้มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและเมกะโปรเจ็กต์ต่าง ๆ ในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และในพื้นที่ภาคตะวันออก หรือ EEC สนับสนุนให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ของ STC เพิ่มขึ้น

อีกทั้ง ในช่วงที่ผ่านมา STC ขยายกำลังการผลิต เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปประเภทท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก บ่อพักน้ำ ท่อระบายน้ำรูปสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยสนับสนุนในการผลิต มีคู่แข่งในพื้นที่น้อยรายที่สามารถผลิตได้ ควบคู่ความสามารถในการทำกำไรในระดับสูงขึ้น จึงมั่นใจ นักลงทุนจะเชื่อมั่น และมองเห็นโอกาสการเติบโต

สำหรับแนวโน้มธุรกิจปีนี้ คาดว่าจะสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัททั้งรายได้และกำไร เนื่องจากแผนการขยายกำลังการผลิตที่โรงงานนาวังเฟส 2 ซึ่งดำเนินการผลิตแล้วตั้งแต่ไตรมาส 4/61 ทำให้ปีนี้บริษัทสามารถรับงานได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน สอดรับโครงการ EEC ที่มีการลงทุนจากภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เพราะโครงการจาก EEC จะสนับสนุนให้ภาคตะวันออกมีการขยายการลงทุนไปอีกไม่ต่ำกว่า 5 ปี จึงเป็นโอกาสของ STC เช่นกัน

ล่าสุด ผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 62 รายได้รวมอยู่ที่ 303.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 17.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 221.51% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 31.78% และอัตรากำไรสุทธิ 5.91%

ปัจจุบัน STC มีโรงงานผลิต 4 แห่ง คือ พัทยา 1 – พัทยา 2 – หนองปรือ – และนาวัง ครอบคลุมพื้นที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย มีกำลังการผลิตต่อปีรวมสำหรับผลิตภัณฑ์คอนกรีตประมาณ 236,250 คิวคอนกรีต

“ปกติช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงที่ดีของธุรกิจ เนื่องจากมีการส่งมอบงานอย่างต่อเนื่อง จากช่วงครึ่งปีแรกติดวันหยุดยาว และเป็นช่วงหน้าฝน ทำให้ผลงานไตรมาส 3 ปีนี้ที่ออกมา มาตามนัด แค่ไตรมาสเดียวสามารถเติบโตกว่าครึ่งปีแรกทั้งปี และงวด 9 เดือนปีนี้ เติบโตกว่าทั้งปี 2561 เรียบร้อยแล้ว สะท้อนแผนการขยายกำลังการผลิต ขยายผลิตภัณฑ์ และการรับงานเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าแนวโน้มไตรมาส 4 จะเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งปกติเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจอยู่แล้ว สนับสนุนผลงานปี 2562 ให้โดดเด่นกว่าแผนงานที่วางไว้”นายเอกชัย กล่าว

นายเอกชัย กล่าวย้ำว่า ในช่วงปี 2560-2564 รัฐบาลมีแผนการผลักดันโครงการ EEC ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญภายใต้ Thailand 4.0 และเป็นโครงการต่อยอดมาจากนโยบายโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (Eastern Sea Board Development) ก่อให้เกิดการลงทุนบนพื้นที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง ส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป มีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่สูงจากโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่จะเกิดขึ้นเพื่อรองรับ EEC ได้แก่

โครงการถนนรองรับ EEC เช่น โครงการปรับปรุงทางหลวงและโครงข่ายถนนสายรองในพื้นที่รอบๆ อู่ตะเภา มาบตาพุด และถนนเลียบชายฝั่งทะเลระยอง-ชลบุรี โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง โครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อมต่อ 3 สนามบินแบบไร้รอยต่อ รวมไปถึง โครงการพัฒนาเมืองใหม่และการท่องเที่ยว 4 แห่ง ได้แก่ ฉะเฉิงเทรา พัทยา อู่ตะเภา และระยอง เพื่อจะเป็นมหานครแห่งใหม่

นอกจากนี้ ภาครัฐยังมีนโยบายการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ซึ่งจะทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น  โดยในปัจจุบัน STC มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตให้กับผู้รับเหมาที่ได้รับงานก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าวบางส่วนแล้ว และอีกหลายโครงการ เป็นโครงการเป้าหมายของบริษัทฯ

รวมไปถึงแผนแม่บทการลงทุนเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมในเขตพื้นที่เมืองพัทยา ซึ่ง STC ได้มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีต ได้แก่ ท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็กและบ่อพักน้ำ ให้กับผู้รับเหมาที่ได้รับงานก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าวบางส่วนแล้ว ทั้งหมดนี้เชื่อว่า จะเสริมความเชื่อมั่นในการเข้าซื้อขายวันแรกของ STC ให้ประสบความสำเร็จ

Back to top button