สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 2 ธ.ค. 2562
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 2 ธ.ค. 2562
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) หลังจากดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมนำเข้าจากบราซิลและอาร์เจนตินา โดยอ้างว่าทั้งสองประเทศได้ลดค่าเงินลงอย่างมาก ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเกษตรกรของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,783.04 จุด ร่วงลง 268.37 จุด หรือ -0.96% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,113.87 จุด ลดลง 27.11 จุด หรือ -0.86% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,567.99 จุด ลดลง 97.48 จุด หรือ -1.12%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 2 เดือน โดยตลาดหุ้นเยอรมนี และฝรั่งเศส ดิ่งลงมากกว่า 2% เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการที่สหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้าเหล็กกล้า และอลูมิเนียมจากบราซิล และอาร์เจนตินา
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.58% ปิดที่ 401.01 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,786.74 จุด ร่วงลง 118.42 จุด หรือ -2.01%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,964.68 จุด ร่วงลง 271.70 จุด หรือ -2.05% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,285.94 จุด ลดลง 60.59 จุด หรือ -0.82%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกับการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอลูมิเนียมจากบราซิลและอาร์เจนตินา และการเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่น่าผิดหวังของสหรัฐ ถ่วงตลาดลอนดอนลงด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,285.94 จุด ลดลง 60.59 จุด หรือ -0.82%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) ขานรับดัชนีภาคการผลิตของจีนที่ขยายตัวแข็งแกร่งในเดือนพ.ย. รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะตัดสินใจขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน รวมทั้งปรับลดการผลิตน้ำมันในปริมาณที่เพิ่มขึ้น ในการประชุมสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 79 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 55.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 60.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) หลังจากการเปิดเผยตัวเลขภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของจีน ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 3.50 ดอลลาร์ หรือ 0.24% ปิดที่ 1,469.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.82% ปิดที่ 16.966 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 70 เซนต์ หรือ 0.08% ปิดที่ 899.70 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 14.60 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 1824.70 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) หลังจากดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนและตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนพ.ย.
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.96 เยน จากระดับ 109.46 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9914 ฟรังก์ จากระดับ 0.9999 ฟรังก์ แต่หากเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3297 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3273 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1076 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1017 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2942 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2933 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6820 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6764 ดอลลาร์สหรัฐ