พาราสาวะถี

ไม่ได้มีอะไรนอกเหนือความคาดหมาย รอเพียงแค่เวลาเท่านั้น ที่สุด 7 เสือกกต.ก็มีมติเสียงข้างมากส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ จากกรณี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคปล่อยกู้ให้กับพรรคเป็นเงิน 191 ล้านบาท โดยกกต.เห็นว่ามีเหตุอันเชื่อได้ว่า เงินดังกล่าวเป็นการรับบริจาคเงินโดยแหล่งที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 72 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ส่วนเรื่องอื่นที่จะมีคำถามไปยังกกต.นั้นไม่ต้องรอฟังเพราะไร้คำตอบ


อรชุน

ไม่ได้มีอะไรนอกเหนือความคาดหมาย รอเพียงแค่เวลาเท่านั้น ที่สุด 7 เสือกกต.ก็มีมติเสียงข้างมากส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ จากกรณี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคปล่อยกู้ให้กับพรรคเป็นเงิน 191 ล้านบาท โดยกกต.เห็นว่ามีเหตุอันเชื่อได้ว่า เงินดังกล่าวเป็นการรับบริจาคเงินโดยแหล่งที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 72 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ส่วนเรื่องอื่นที่จะมีคำถามไปยังกกต.นั้นไม่ต้องรอฟังเพราะไร้คำตอบ

กกต.ยุคนี้สื่อจะได้รับคำชี้แจงผ่านเอกสารข่าวของสำนักงานกกต.เท่านั้น ก็ไม่รู้ว่ากลัวการตอบคำถามอะไรกันนักหนา หลายเรื่องเป็นสิ่งที่จะต้องอธิบายให้สังคมสิ้นสงสัย หรือยึดถือว่าตัวเองมีที่มาจากอำนาจเผด็จการ จึงใช้วิธีการทำงานแบบเผด็จการไม่ต้องสื่อสาร ชี้แจงหรือมีคำอธิบายใด และไม่หวั่นต่อกระแสของสังคมที่มีต่อองค์กร มันจะต่ำเตี้ยเรี่ยดินอย่างไรก็ไร้ผล เพราะถือว่ามีหน้าที่ทำงานตามเป้าหมายที่ได้รับมาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ส่วนข้อกล่าวหาของพรรคอนาคตใหม่ที่ว่ามีใบสั่งให้ยุบพรรคนั้น ยืนยันมาจากพี่น้อง 2 ป. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ใครจะไปสั่ง โดยที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจถึงขึ้นประกาศลั่น “ผมไม่ได้ไปก้าวล่วงใครอยู่แล้ว ผมรู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรไว้ใจผมสิ” ซึ่งจะว่าไปกรณีเงินกู้ของธนาธรกับพรรคอนาคตใหม่นั้น ถือเป็นความท้าทายในเชิงแนวคิดและการตีความข้อกฎหมาย โดยฝ่ายพรรคการเมืองเชื่อว่าทำได้และไม่มีปัญหา

แต่คงลืมไปว่าฝ่ายที่ตีความนั้นไม่ได้มองในมุมอื่น เหมือนที่ธนาธรเคยพูดเรื่องรสนิยมในการลงทุน ยิ่งหากเป็นไปตามที่แกนนำพรรคของตัวเองเชื่อมั่นว่ามีการตั้งธงไว้แล้ว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องละเว้นการกระทำใด ๆ ที่สุ่มเสี่ยงว่าจะผิดกฎหมาย ความจริงหากไปปรึกษาพรรคประสบการณ์สูงในการถูกยุบอย่างเพื่อไทย ก็น่าจะได้รับคำแนะนำที่ดีว่า เรื่องไหนควรทำ เรื่องไหนไม่ควรท้าทาย เพราะผลลัพธ์ในแต่ละเรื่องและแต่ละพรรคไม่มีมาตรฐานใดมาการันตีได้ว่า พรรคหนึ่งทำแล้วรอดอีกพรรคทำตามแล้วจะรอดเหมือนกัน

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้า ครารัฐบาลเทพประทานแก้ไขเพื่อเปลี่ยนวิธีการเลือกตั้งส.ส. อันจะเอื้อประโยชน์ให้พรรคการเมืองที่ถือครองอำนาจในเวลานั้น ไม่มีปัญหาว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่พอเปลี่ยนรัฐบาลมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด คนเหล่านั้นกลับถูกวินิจฉัยว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยและเป็นพวกล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยไปเสียฉิบ

กรณีเงินกู้ของอนาคตใหม่คงต้องไปรอดูผลปลายทางกันอีกครั้งว่าจะออกมาแบบไหน แต่คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อย่างที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ว่า งานนี้ธนาธรคงไม่รอดอีกตามเคย แม้อุดมการณ์แรงกล้า แต่ต้องมาตกม้าตาย เป็นฝ่ายค้านมันชีช้ำอย่างนี้แหละ สู้เป็นรัฐบาลไม่ได้ผิดมันก็เป็นถูกได้หน้าตาเฉย อย่างไรก็ตาม มุมอธิบายของเสี่ยอ่างก็คือ พรรคการเมืองไม่ใช่บริษัทถ้าใช้ตรรกะนี้ก็จะรู้ในทันทีว่าเมื่อปล่อยกู้ไปแล้วในทางกฎหมายพรรคการเมืองมันผิดหรือไม่

ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องขีดเส้นใต้จากคำพูดของชูวิทย์คงเป็นประเด็นที่ว่าสู้เป็นรัฐบาลไม่ได้ผิดมันก็เป็นถูกได้หน้าตาเฉย ไม่แน่ใจว่าเป็นกรณีของ ปารีณา ไกรคุปต์ หรือไม่ แต่คงเป็นเรื่องนี้ เพราะหลังจากที่ วิษณุ เครืองาม ออกมาอุ้มอย่างเต็มที่ด้วยการยกเอากรณีที่ดินเขายายเที่ยงของ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ มาเทียบเคียงด้วยการบอกว่าเมื่อคืนแล้วก็จบ พร้อม ๆ กับอ้างว่า การยึดคืนที่ดิน 682 ไร่ของปารีณาคืนโดยที่รัฐไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียวก็ถือเป็นการลงโทษแล้ว

แหม! ช่างเป็นตรรกะที่ฟังดูแล้วดูสมกับฐานะเนติบริกรโดยแท้ แต่คำถามที่ตามมาคือ การคืนนั้นเป็นไปด้วยความเต็มใจและเป็นการถือครองโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองขาดคุณสมบัติเลยเช่นนั้นหรือ ไม่เพียงเท่านั้น คล้อยหลังแค่หนึ่งวันพลเอกประวิตรก็ออกมายืนยันว่า ปารีณาไม่ได้ผิดอะไรจึงไม่ต้องถามถึงเรื่องของจริยธรรมทางการเมืองที่ควรแสดงความรับผิดชอบ นอกจากนั้น ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคสืบทอดอำนาจยังไม่แยแสเสียงของประชาชนด้วย โดยมองว่ากระแสสังคมกดดันก็เป็นเรื่องของกระแสสังคม

ด้วยท่าทีเช่นนี้ของระดับผู้นำในรัฐบาล จึงเป็นคำถามต่อไปว่าแล้วกรมป่าไม้ที่ขึงขังเรื่องการดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาตินั้น ยังจะเดินหน้าต่อไปด้วยความมุ่งมั่นและยึดเอาคำตัดสินของศาลในหลายคดีก่อนหน้านี้เป็นหมุดหมายอีกหรือไม่ ในเมื่อเนติบริกรของรัฐบาลบอกว่าคืนที่ดินแล้วก็จบ ส่วนหลากหลายความเห็นที่ยังมองว่าคดีของปารีณาไม่ควรจบเพียงแค่การคืนที่ดินแล้วก็เลิกแล้วต่อกัน มันก็เป็นเพียงแค่เสียงวิจารณ์เสียงหนึ่งที่แผ่วเบาในสายตาฝ่ายมีอำนาจที่จะไม่ยอมเสียหน้าเท่านั้น

อย่าลืมเป็นอันขาดว่า ขนาดพรรคร่วมรัฐบาลที่แสดงท่าทีขึงขังโดยส.ส.ของพรรคลงมติสวนมติของวิปรัฐบาลยังออกอาการหงอมาแล้ว นับประสาอะไรกับคนนอกที่ไร้พลังต่อรองใด ๆ วันนี้อย่าได้หวังว่านักการเมืองจะมองผลประโยชน์ของประเทศชาติ ยึดความถูกต้องชอบธรรมเป็นหลัก ทั้งหมดต่างมองไปที่ประโยชน์ส่วนตัวและของพรรคตัวเองเท่านั้น การกินข้าวร่วมกับส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 19 ธันวาคมนี้ของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ จะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่านักการเมืองปากดีทั้งหลายนั้นเกรงใจใคร

อย่างไรก็ตาม ความเป็นนักการเมืองไม่ว่าจะฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ต่างก็รู้กันดีว่าสิ่งที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายสามัคคีกันได้คือในช่วงของการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี และยิ่งได้ยินท่านผู้นำบ่นว่าเครียดเพราะงบประมาณยังไม่ผ่าน มันเหมือนเป็นสัญญาณบางอย่างที่พวกจมูกไวย่อมรู้ได้ว่านี่คือจังหวะแห่งการต่อรอง ไม่ต้องบอกว่าฝ่ายค้านไม่มีทางที่จะเห็นดีเห็นงามกับรัฐบาลแน่นอน เพราะทุกยุคทุกสมัยในการพิจารณากฎหมายงบประมาณ นักการเมืองจะลืมความเป็นฝักฝ่ายไปชั่วคราว

ขณะที่ฝ่ายค้านเหมือนที่ตั้งข้อสังเกตกันไว้แต่ต้น มีเพียงอนาคตใหม่เท่านั้นที่ดูแข็งขันและเอาจริงเอาจัง พรรคแกนนำหลักอย่างเพื่อไทย ด้วยประสบการณ์ทางการเมืองที่ยาวนานจึงยังมีลูกผ่อนหนักผ่อนเบาอยู่บ่อยครั้ง ยิ่งพรรคที่เดินหน้าชนต้องเผชิญกับชะตากรรมถูกยุบ ก็ไม่รู้ว่าจะทำให้การตรวจสอบอ่อนยวบตามลงไปด้วยหรือไม่ แต่อีกมุมด้วยความที่ไม่ต้องมีอะไรจะเสียอีกแล้ว หากเกิดการดับเครื่องชนพูดทุกเรื่องที่รู้ บรรยากาศการเมืองในสภาก็อาจจะดุเด็ดเผ็ดร้อนกว่าเดิมก็เป็นได้

Back to top button