พาราสาวะถี

การนัดแฟลชม็อบของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ถามว่าเป้าประสงค์เพื่อกดดันการพิจารณาประเด็นยุบพรรคอนาคตใหม่ที่กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอย่างนั้นหรือ ประสาคนที่เคยผ่านการเคลื่อนไหวทางการเมือง ย่อมรู้ดีว่าไม่ได้มีผลใด ๆ ต่อกระบวนการของฝ่ายที่มีอำนาจตัดสิน มิหนำซ้ำ ด้วยความที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองแม้จะไร้หัวโขนส.ส. หากสิ่งที่ดำเนินการไปถูกตีความว่าผิดกฎหมายก็อาจจะเป็นต้นตอให้ถูกฝ่ายตรงข้ามยื่นให้ยุบพรรคซ้ำอีกก็เป็นได้


อรชุน

การนัดแฟลชม็อบของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ถามว่าเป้าประสงค์เพื่อกดดันการพิจารณาประเด็นยุบพรรคอนาคตใหม่ที่กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอย่างนั้นหรือ ประสาคนที่เคยผ่านการเคลื่อนไหวทางการเมือง ย่อมรู้ดีว่าไม่ได้มีผลใด ๆ ต่อกระบวนการของฝ่ายที่มีอำนาจตัดสิน มิหนำซ้ำ ด้วยความที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองแม้จะไร้หัวโขนส.ส. หากสิ่งที่ดำเนินการไปถูกตีความว่าผิดกฎหมายก็อาจจะเป็นต้นตอให้ถูกฝ่ายตรงข้ามยื่นให้ยุบพรรคซ้ำอีกก็เป็นได้

ดังนั้น เมื่อประเมินท่วงทำนองของธนาธรผ่านกระบวนการแฟลชม็อบ ทำให้เชื่อได้ว่านี่เป็นการดับเครื่องชน เพราะอย่างไรเสียพรรคอนาคตใหม่คงไม่รอดพ้นจากการถูกยุบเป็นแน่ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็หมายความว่าความเป็นหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคของทั้ง ปิยบุตร แสงกนกกุล และคนอื่น ๆ ก็จะไร้ความหมายไปในทันที รวมไปถึงเก้าอี้ส.ส.ที่จะต้องมีเหตุถูกริบตามมาด้วย เมื่อขับเคลื่อนผ่านระบบรัฐสภาแล้วเดินไม่สะดวก การเลือกที่จะลงถนนจึงเป็นหนทางที่น่าจะเกิดมรรคผลได้มากกว่า

แต่ประเมินเพียงแค่นั้นคงน้อยเกินไป จะว่าไปแล้วเมื่อมองย้อนกลับไปยังแนวร่วม กองหนุนของพรรคอนาคตใหม่จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นคนรุ่นใหม่หรือคนรุ่นกลางเก่ากลางใหม่ที่ชอบใช้ชีวิตผ่านโซเชียลมีเดียเป็นด้านหลัก ด้วยเหตุนี้การปลุกประชาชนที่สนับสนุนพรรคของตัวเองให้ลุกขึ้นมาร่วมกันสู้ของธนาธร จึงจะเป็นบททดสอบว่ากองเชียร์ทั้งหลายที่แสดงตัวตนผ่านโลกออนไลน์นั้น พร้อมที่จะก้าวมาแสดงตัวตนที่แท้จริงบนท้องถนนหรือไม่

จะเห็นได้จากการเรียกร้องของ พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคที่บอกว่า อย่าเจอกันแต่หน้าจอ” ให้มาร่วมกันส่งเสียงเพื่อให้เขารู้ว่า อย่าข้ามหัวประชาชน” นั่นย่อมเป็นภาพสะท้อนได้เป็นอย่างดีว่าแกนนำอนาคตใหม่ย่อมรู้ชะตากรรมของตัวเองเป็นอย่างดีว่า สิ่งต่อสู้อยู่เวลานี้ไม่ใช่แค่ในฐานะพรรคฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาล แต่หากยังมีปัจจัยอื่นที่ทำให้เกิดแรงกระแทกถาโถมเข้าสู่พรรคน้องใหม่ไฟแรงแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน เมื่อประเมินท่าทีของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านบทสัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาต่อกรณีดังกล่าว ก็ทำให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า ท่านผู้นำนั้นหงุดหงิดเป็นอย่างมากกับการประกาศก่อม็อบของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แต่ก็ยังรักษาทรงเดิมคือยกกฎหมายมาข่ม ด้วยการถามกลับธนาธรรู้จักคำว่ากฎหมายหรือไม่ เรื่องกฎหมายก็ต้องไปขอและเป็นเรื่องของตำรวจที่จะพิจารณาอย่างไร ก็เป็นเรื่องของเขา ก่อนที่จะตัดบท โอเค สวัสดีครับ มีแต่เรื่องเดิม ๆ

สรุปแล้ว ฝ่ายสืบทอดอำนาจที่นอกจากจะปฏิเสธกระบวนการตรวจสอบทุกช่องทาง เสมือนว่าตัวเองยังเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ก็มีเจตนาอันเด่นชัดด้วยว่า ไม่ประสงค์ที่จะให้ใครมาชุมนุมเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องใด ๆ ทั้งสิ้น เว้นเสียแต่จะเป็นม็อบเชลียร์หรือพวกจัดตั้งมาให้กำลังใจท่านผู้นำหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งนั้น เป็นสิ่งที่ปรารถนาและส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดขึ้น ถ้าเป็นไปได้อยากให้จัดมาทุกวันเสียด้วยซ้ำไป

คงบอกไม่ได้ว่าการนัดแฟลชม็อบของธนาธรนั้น ประสบความสำเร็จหรือไม่ เพราะต้องถามเป้าประสงค์ที่สำคัญของคนนัดหมายว่าคืออะไร ถ้าเอาแค่เช็คกำลังพลก็พอจะประเมินได้ แต่ถ้าหวังมากไปกว่านั้นอาจยังต้องใช้เวลาจนกว่าสถานการณ์จะสุกงอมหรือมีเหตุมีผลมากกว่าการที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ส่วนการดำเนินคดีของฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ เมื่อไร้ประกาศหรือคำสั่งของคสช. ก็ไม่รู้จะพลิกตำราข้อกฎหมายใดมาเอาผิด เรื่องพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ 2558 ก็ดูว่าจะไม่ใช่ยาแรงที่ใช้สกัดม็อบที่ไม่พึงประสงค์ได้เด็ดขาด

อย่างไรก็ตาม ผลพวงจากแฟลชม็อบของธนาธร มันชวนให้นึกถึงภาพต่อไปที่มีการนัดหมาย วิ่งไล่ลุง” ในต้นปีหน้า อารมณ์ ความรู้สึกร่วมของผู้คนในสังคมจะมากพอที่จะแสดงพลังให้สะเทือนต่ออำนาจสืบทอดหรือไม่เป็นสิ่งที่ต้องลุ้นกัน แต่เห็นแนวร่วมที่พร้อมจะออกมาวิ่งไล่ลุงแล้วก็น่าคิดอยู่เหมือนกันในมุมของการจุดประเด็น เพื่อทำให้สังคมเห็นว่าจะทนอยู่กับสภาพของสังคม เศรษฐกิจที่ดำเนินไปอยู่ในเวลานี้แบบนี้ใช่หรือไม่

โพสต์ล่าสุดของ นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ หมอนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงาน กล่าวถึงกิจกรรมวิ่งไล่ลุงไว้อย่างน่าสนใจว่า ความเป็นธรรมที่ได้มาเพราะประชาชนทั้งกดและดัน แต่ความเป็นธรรมและความยุติธรรมนั้นเป็นของหายาก คดีเสือดำเปรมชัยถูกศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 2 ปี 14 เดือน ส่วนหนึ่งแน่นอนว่าเป็นเพราะสังคมเฝ้ามองและทั้งกดทั้งดันมายาวนาน แต่เปรมชัยไม่ใช่สายตรงคสช. วิษณุบริกรจึงไม่ได้ออกมาชิงตีความตัดตอน

นั่นหมายความว่า เปรมชัยต้องติดคุกนิดหน่อยเพื่อให้สังคมไทยสบายใจว่า ประเทศไทยยังมีความเป็นธรรม แต่กับอีกหลายคดีที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายของฝ่ายกุมอำนาจ สังคมรับรู้สัมผัสได้ว่าผลแห่งการบังคับใช้กฎหมายนั้นเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นคดีเอ๋ 1,700 ไร่ นาฬิกายืมเพื่อน 25 เรือน เลี้ยงโต๊ะจีนระดมทุนพรรคพลังประชารัฐ ส่อทุจริตอุทยานราชภักดิ์ ซื้อจีที 200 มาแล้วใช้การไม่ได้  มีหมายจับแต่มาเสียบบัตรลงคะแนนได้

สารพัดประเด็นของพวกพ้อง ค่อนข้างชัดเจนว่าความเป็นธรรมไม่มี ความยุติธรรมไม่ปรากฏ ช่วยกันเต็มที่เพื่อพวกพ้อง การตั้งคำถามส่งท้ายของหมอสุภัทรนั่นน่าสนใจ หรือเพราะเราภาคประชาชนยังไม่เข้มแข็งพอ ยังไม่กดไม่ดันพอ ดังนั้นว่าแล้วเราไปวิ่งไล่ลุงกันดีกว่า แต่การขยับแฟลชม็อบของธนาธรเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเหตุให้มีการจับแพะชนแกะไปในตัวหรือไม่ว่า วิ่งไล่ลุงจะเกิดไม่ได้เพราะตำรวจสันนิษฐานไว้แล้วว่าจะนำไปสู่การชุมนุมทางการเมือง และก็มีหัวเชื้อที่ถูกจุดไว้แล้วนั่นเอง

แต่ไม่ว่าจะเกิดเสียงวิจารณ์อย่างไร ฝ่ายสืบทอดอำนาจคงไม่สนอะไรทั้งสิ้นเพราะถือคติหน้าทนเสียอย่าง อย่างที่ จาตุรนต์ ฉายแสง วิเคราะห์ล่าสุด การยุบพรรคอนาคตใหม่อาจกำลังเป็นการแก้ปัญทางการเมืองแบบทูอินวัน คือกำจัดพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่มีศักยภาพเด่นชัดลงไป พร้อมกับการแก้ปัญหาเสียงปริ่มน้ำไปด้วยในคราวเดียวกัน ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการป้องกันการทุจริตในการเลือกตั้งหรือการดำเนินการทางการเมืองที่ผิดกฎหมายในด้านความมั่นคงของประเทศแต่อย่างใด

Back to top button