พาราสาวะถี
สมกับเป็นพรรคการเมืองใหม่ที่เข้ามาเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเมืองแบบเดิม ๆ ไม่มีใครคาดคิดว่าพรรคอนาคตใหม่จะมีมติขับ 4 ส.ส.ที่โหวตสวนมติพรรคและให้สัมภาษณ์ไปคนละทิศละทางกับแนวทางของพรรคมาโดยตลอดออกจากพรรค เพราะเท่ากับเป็นการเตะหมูเข้าปากหมา หรือปล่อยเสือเข้าป่า เนื่องจากทั้งสี่คนยังคงมีสถานะส.ส.ติดตัวไป โดยต้องหาพรรคสังกัดให้ได้ภายใน 30 วัน แน่นอนว่า คนส่วนใหญ่ย่อมมองไปยังพรรคที่ถูกมองว่าเลี้ยงดูปูเสื่อกันอยู่
อรชุน
สมกับเป็นพรรคการเมืองใหม่ที่เข้ามาเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเมืองแบบเดิม ๆ ไม่มีใครคาดคิดว่าพรรคอนาคตใหม่จะมีมติขับ 4 ส.ส.ที่โหวตสวนมติพรรคและให้สัมภาษณ์ไปคนละทิศละทางกับแนวทางของพรรคมาโดยตลอดออกจากพรรค เพราะเท่ากับเป็นการเตะหมูเข้าปากหมา หรือปล่อยเสือเข้าป่า เนื่องจากทั้งสี่คนยังคงมีสถานะส.ส.ติดตัวไป โดยต้องหาพรรคสังกัดให้ได้ภายใน 30 วัน แน่นอนว่า คนส่วนใหญ่ย่อมมองไปยังพรรคที่ถูกมองว่าเลี้ยงดูปูเสื่อกันอยู่
แต่การเดินเกมในลักษณะนี้ ด้านหนึ่งถือเป็นการทดสอบทางข้อกฎหมายของพรรคอนาคตใหม่เพื่อให้กกต.ได้พิจารณา ในประเด็นที่ว่า การขับ 4 ส.ส.ออกไปนั้น คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคที่มีอยู่ 1.62 แสนคะแนนนั้นจะยังคงอยู่กับพรรคต่อไปหรือส่วนหนึ่งต้องติดตัว 4 ส.ส.ที่ถูกขับไปด้วย อีกประการคือ เมื่อส.ส.ทั้ง 4 คน ไปสมัครเข้าพรรคการเมืองใดแล้ว กกต.อาจจะต้องมีการคิดคืนจำนวนส.ส.พึงมีกลับมายังพรรคอนาคตใหม่ด้วย
ด้วยปัจจัยที่ซับซ้อนทางข้อกฎหมายนี้เอง จึงเป็นเหตุให้พรรคการเมืองที่มีส.ส.อยู่ในเวลานี้ ต้องชั่งใจดูว่ารับเข้ามาแล้ว ดีต่อตัวเองหรือไม่ ยกเว้นพรรคพลังประชารัฐที่คงต้องคิดมากหน่อย เพราะถ้ารับมาก็เท่ากับว่าข้อครหาเรื่องเลี้ยงกล้วยลิงหรือดูแลงูเห่าก่อนหน้านั้นเป็นจริง จะอ้างเหตุผลใดก็ตาม ก็คงไม่ได้สร้างความสง่างามให้กับพรรคตัวเอง มิหนำซ้ำ รับมาแล้วยังต้องตอบคำถามของผู้สมัครในพื้นที่ที่ส.ส.ทั้ง 4 คนเป็นอยู่ จะเอาคนเหล่านั้นไปไว้ที่ไหน
ชัดเจนว่า การได้เป็นส.ส.ของทั้งสี่คนนั้นปัจจัยสำคัญมาจากพรรคต้นสังกัด ยกเว้นรายของ ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ ที่ได้รับเลือกเพราะผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยถูกตัดสิทธิ์ไปนั่นเอง เสียงวิจารณ์ต่อท่าทีของพรรคสืบทอดอำนาจในการจะรับ 4 งูเห่าเข้าพรรค วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อนาคตใหม่ วิเคราะห์ไว้น่าสนใจไม่น้อย แม้จะเป็นไปในเชิงประชดประชันก็ตาม เหมือนดีลจะล่ม พรรคหนองงูเห่าปฏิเสธที่จะรับงู เพราะกลัวเสียภาพลักษณ์และก็ไม่ไว้ใจงูเต็มร้อยด้วยล่ะ
ตอนนี้เลยตีมึน รอให้ครบ 30 วันปล่อยให้งูพ้นสภาพ แล้วส่งคนของตัวเองลงเลือกตั้งซ่อม น่าจะไว้ใจได้มากกว่า ตอนนี้งูเลยเครียดมาก พรรคหนองงูเห่าตอนนี้ไม่รับสายงูแล้ว รับงูเห่าไปภาพลักษณ์ก็เหม็น ไว้ใจเต็มร้อยก็ไม่ได้กลัวถูกงูไถค่ายกมือเป็นรายครั้ง พอหักจากส.ส.พึงมีปาร์ตี้ลิสต์อาจจะหาย สู้ปล่อยให้งูเห่าพ้นสภาพ แล้วเอาค่าซื้องูมาส่งคนของตัวเองแท้ ๆ ลงเลือกตั้งซ่อมน่าจะดีกว่า ประเด็นนี้สอดคล้องกับความเห็นของ สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต.ที่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กหลังทราบมติอนาคตใหม่
โดยสมชัยยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับพงศาวดารไทยสมัยเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 เมื่อออกญาจักรีเปิดประตูเมืองให้พม่า สุดท้าย พระเจ้ากรุงหงสาวดีกลับปูนบำเหน็จโดยให้จับออกญาไปถ่วงน้ำ พร้อมถ้อยคำอมตะ “ขนาดกรุงศรีอโยธยาส่งเสริมเจ้าตั้งมากมาย เจ้ายังคิดเอาใจออกห่าง แล้วเจ้าจะให้เราเชื่อได้อย่างไรว่าจะจงรักภักดีต่อหงสาวดีจริง” ทว่าในทางการเมืองและนักการเมืองประเทศไทยอาจไม่ได้คิดเหมือนพระเจ้ากรุงหงสาวดีก็ได้
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 4 ส.ส.ก็ดูเหมือนว่าจะรู้ชะตากรรมตัวเอง ภาพลักษณ์ที่ถูกขับออกจากพรรคมันจะเป็นเครื่องหมายกับประชาชนในพื้นที่ ทั้งหมดรู้ดีว่าที่ได้รับเลือกนั้นเพราะอะไร การจะเข้าไปสังกัดพรรคขนาดกลางและใหญ่ในซีกรัฐบาล ทำได้ไม่ง่ายด้วยเงื่อนไขของการเมืองในพื้นที่ เว้นเสียแต่พรรคการเมืองนั้นประสงค์ใช้เสียงที่ได้เพิ่มขึ้นมาไปต่อรองในทางการเมืองในห้วงระยะเวลาที่อำนาจสืบทอดยังบริหารประเทศอยู่นั่นก็อีกเรื่อง
สุดท้าย เมื่อเข้าสู่โหมดเลือกตั้งก็เป็นอันเข้าใจกันว่าทั้งสี่คนจะหมดความหมายไปในทันที เพราะไม่ใช่ลูกในไส้ ไร้ฐานคะแนนจัดตั้ง ด้วยเหตุนี้จากที่คนส่วนใหญ่มองว่าการตัดสินใจขับส.ส.ออกจากพรรคจะเป็นหนทางสุดท้ายที่แต่ละพรรคการเมืองจะเลือกใช้ จึงน่าจะใช้ได้กับพรรคการเมืองที่ใช้ส.ส.หน้าเก่าและต้องคอยกราบกรานกันอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากคนเหล่านั้นมีมูลค่าที่สามารถแปรฐานเสียงมาเป็นคะแนนให้กับพรรคการเมืองได้ แต่สำหรับอนาคตใหม่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ทั้งนี้ มีประเด็นที่น่าคิดไม่น้อยจากคำถามของสมชัย กับการที่ 4 ส.ส.จะต้องหาพรรคสังกัดใหม่ภายใน 30 วันนี้ ต้องย้ายไปพรรคที่มีส.ส.อยู่ในสภาขณะนี้เท่านั้นหรือไม่ สามารถย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองที่เคยเลือกตั้ง แต่ไม่มีส.ส.ในสภาตอนนี้ได้หรือไม่ และ สามารถย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองที่เคยจดแจ้งทะเบียนชื่อพรรคกับกกต.แต่ไม่เคยส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งเลยได้หรือไม่ ทั้งหมดนี้กกต.จะต้องตอบโดยไม่ต้องรอให้ใครไปถาม
เพราะฟังจาก 2 ส.ส.จันทบุรีที่ถูกขับทั้ง จารึก ศรีอ่อน และ พันตำรวจโทฐนภัทร กิตติวงศา บอกว่าจะไปเป็นสมาชิกพรรคการเมืองขนาดเล็กที่ยังไม่มีส.ส.ในสภาเวลานี้ ตรงนี้แหละที่จะต้องเกิดการตีความ ซึ่งจะว่าไปแล้วกับกกต.คณะนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่คาดเดาได้ยาก คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรต่อการหาสังกัดใหม่ของส.ส.ทั้งสี่คน เนื่องจากพฤติกรรมที่ผ่านมาก็ชัดเจนแล้วว่าเป็นพวกเดียวกับฝั่งไหน แค่อ้างประชาชนบังหน้าก็เท่านั้น
ยุคนี้ต้องยอมรับว่าข่าวที่อ้างคุณแหล่งข่าวจากซีกรัฐบาลนั้น ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยพลาดเหมือนล่าสุดกับมติครม.ตั้ง พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่มีข่าวหลุดออกมาล่วงหน้าเป็นสัปดาห์ คงพอประเมินกันได้จากท่าทีที่แสดงออกทั้งต่อพรรคประชาธิปัตย์ที่ตัวเองเพิ่งลาออกมา และท่วงทำนองที่มีต่อความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่าง ๆ ในสังคม ก็ถอดรหัสทัศนคติของคนเหล่านี้ได้มีเป้าหมายใด ที่ชีช้ำมาตลอดก็หนีไม่พ้นพรรคเก่าแก่ผู้ให้กำเนิด
คิดเสียว่าเป็นกรรมเก่าที่ตัวเองกระทำก็แล้วกัน จากการที่ไม่เลือกเดินบนเส้นทางประชาธิปไตยเต็มร้อย คอยแต่อิงแอบกับอำนาจนอกระบบ อ้างอุดมการณ์และระบอบเพื่อความชอบธรรม สุดท้ายที่หวังจะได้รับอานิสงส์จากเผด็จการ กลับเป็นการถูกทำลายล้างไปเสียเอง ผิดกับพรรคคู่แข่งที่ยิ่งถูกกระทำกลับยิ่งแข็งแรง ปลายทางก่อนเลือกตั้งครั้งใหม่ ชวนให้คิดเป็นอย่างยิ่งว่า จะเหลือเนื้อแท้ของพรรคเก่าแก่อยู่สู้ในสนามเลือกตั้งเท่าไหร่เมื่อเทียบกับจำนวนที่ถูกพวกเดียวกันดูดไปในลักษณะต่าง ๆ