เคาะหุ้นส่งท้าย

*บรรยากาศการลงทุนในสัปดาห์สุดท้ายก่อนถึงช่วงเฉลิมฉลองปีใหม่ น่าจะมีความหงอยเหงาปะปนเยอะพอสมควร “โมนิก้า” ถึงขอทำตัวชิว ๆ เพื่อรับกับสถานการณ์เรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ ไม่ต้องรีบร้อนอะไรมากมาย เพราะนักเล่นขาใหญ่ก็เริ่มหยุดเทรดกันบ้างแล้ว ส่วนฝรั่งหัวทองก็คงไม่อยากทำอะไรมากกว่าที่เป็นอยู่ คงเหลือแค่เพียงกองทุนตัวแสบที่ยังพยายามดันหุ้นเพื่อทำตัวเลขปิดบัญชีสวย ๆ พะยะค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*บรรยากาศการลงทุนในสัปดาห์สุดท้ายก่อนถึงช่วงเฉลิมฉลองปีใหม่ น่าจะมีความหงอยเหงาปะปนเยอะพอสมควร “โมนิก้า” ถึงขอทำตัวชิว ๆ เพื่อรับกับสถานการณ์เรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ ไม่ต้องรีบร้อนอะไรมากมาย เพราะนักเล่นขาใหญ่ก็เริ่มหยุดเทรดกันบ้างแล้ว ส่วนฝรั่งหัวทองก็คงไม่อยากทำอะไรมากกว่าที่เป็นอยู่ คงเหลือแค่เพียงกองทุนตัวแสบที่ยังพยายามดันหุ้นเพื่อทำตัวเลขปิดบัญชีสวย ๆ พะยะค่ะ

*เมื่อรูปการณ์ออกมาในโทนนี้ทั้งหมด การเคาะหุ้นส่งท้ายก็ต้องโฟกัสไปที่หุ้นต่ำกว่าแวลู และหุ้นปันผลงามเป็นลำดับแรก เพราะมีสตอรี่ทำให้หุ้นวิ่งคึกเป็นม้าในปีหน้า “โมนิก้า” ถึงขอชายตามองหุ้นเหล่านี้มากกว่าหุ้นตัวอื่น แต่มีข้อแม้อยู่นิดหนึ่งว่า การซื้อเที่ยวนี้เป็นการเล่นราคาล่วงหน้า ผู้เล่นถึงต้องทนกับแรงเสียดทานในอนาคตให้ได้ ไม่เช่นนั้นอาจเผชิญกับรายการ “ขายหมู ซื้อหมา” นะจะบอกให้

*ฉะนั้นการที่ดัชนียืนปิดที่ 1,572.92 จุด ลบไป 0.59 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.49 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นการส่งสัญญาณให้ผู้เล่นเริ่มวางแผนลงทุนตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้มันเป็นอะไรที่มากกว่าเคาะไปวัน ๆ หลังทุกคนรู้ดีว่า เมื่อเปิดศักราชใหม่อย่างเป็นทางการ น่าจะมีการเข้ามาตะลุมบอนหุ้นกันอีกรอบ (หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น) จึงต้องเล็งหุ้นบางตัวไว้สำหรับการเล่นรอบด้วยนะคะ

*งานนี้ถึงขึ้นอยู่กับแมงเม่าถนัดเล่นหุ้นแบบไหนมากกว่ากัน เพราะแต่ละคนก็มีสไตล์การเคาะกระดานไม่เหมือนกันเลย “โมนิก้า” ถึงพยายามให้นักเล่นจัดระเบียบแบบแผนชีวิตก่อนจะไปเที่ยวสนุกสนาน เพราะวันที่กลับมาเทรดกันอย่างเต็มตัวในสัปดาห์แรก น่าจะเป็นเกมที่ทุกคนเข้าทำเร็วมากเป็นพิเศษ ซึ่งบ่อยครั้งทำให้เดี๊ยนเกิดอาการหูลายตาลายไปพักหนึ่งนะจ๊ะ

*ประเด็นนี้สอดคล้องกับการเคาะหุ้น BEM บางวันก็เกิดอาการเหนื่อย ๆ บางวันก็เกิดอาการคึกคักเหลือเกิน มันเป็นเกมที่ทำให้รู้ว่า เมื่อของเขาดี หุ้นก็ต้องไปดี ระเบียบวิธีคิดก็มีเพียงเท่านี้ จึงไม่ต้องถามหาเหตุผลที่ทำให้หุ้นยืนอยู่ที่ระดับ 11.30 บาท ลบไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 487 ล้านบาท (เทียบกับต้นปีอยู่ที่ 9.70 บาท ถือเป็นหุ้นที่ให้รีเทิร์นดีตัวหนึ่ง) บวกกับเป้าหมายที่กูรูสำนักต่าง ๆ ให้ไว้ในเที่ยวนี้อยู่ที่ระดับ 12.50 บาทเชียวน้า!..น่าเล่นไหมล่ะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ SCB มองในแง่ของปัจจัยพื้นฐานก็ไม่มีอะไรแย่ลงแบบผิดหูผิดตา และยังไม่เห็นกูรูใหญ่ ๆ บอกให้ลดน้ำหนักการลงทุน “โมนิก้า” ถึงมองเรื่องนี้เป็นเกมของรายใหญ่มากกว่าประเด็นอื่น จึงมองการอ่อนตัวมาปิดที่ 120 บาท ลบไป 2.50 บาท หรือลงไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.28 พันล้านบาท น่าจะเป็นช็อตของการขายทำกำไรช่วงสั้น ๆ เพราะโบรกเกอร์ยังยืนเป้าราคาหุ้นควรอยู่แถว 150 บาทเป็นอย่างต่ำนะจะบอกให้

*ส่วนตัวที่สามารถมองยาวได้หน่อย “โมนิก้า” กลับมองไปที่หุ้น GULF ยังคงพยายามทำยอดใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิมอย่างต่อเนื่อง แม้ในบางจังหวะจะมีการถอยลงมาบ้าง แต่พอถึงจังหวะขึ้นก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวังแต่อย่างใด เดี๊ยนถึงมองราคาปิดที่ 161.50 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 1.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.14 พันล้านบาท มันเป็นจังหวะของการซื้อสวนแบบไม่ต้องคิดอะไรมากไงล่ะคะ

*หากต้องการคิดเยอะ ๆ และต้องการเกาะติดขอบกระดาน “โมนิก้า” ขอแนะนำให้มองหุ้น BAM ในทันทีทันใด หลังแสดงอภินิหารด้วยการพุ่งพรวดขึ้นมาปิดที่ 17.90 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.49 พันล้านบาท มันเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ และน่าจะมาจากความตั้งใจทำให้ “หุ้นมาแรง แซงทุกทางโค้ง” จึงต้องติดตามดูกันต่อไปว่าจะไปได้ไกลขนาดไหนนะคะ

*สำหรับรายที่เริ่มมาแบบเนิบ ๆ พร้อมกับมีเรื่องเทิร์นอะราวด์เป็นตัวหนุน “โมนิก้า” คงต้องเหลือบตาไปมองดู ESSO หลังเปิดตัวอย่างสวยหรู และพยายามเดินหน้าขึ้นช้า ๆ แต่สุดท้ายทำได้แค่ปิดบริเวณ 8.10 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 3.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 288 ล้านบาท เท่ากับเปิดช่องให้นักเล่นเข้ามาตะลุมบอนได้อีกหลายยก ซึ่งเป็นผลมาจากการที่หุ้นวิ่งทะลุเส้นแนวต้าน 75 วันอย่างง่ายดาย จึงเชื่อว่าหุ้นจะไปต่อแบบสวย ๆ นะเจ้านาย!

*ตบท้ายกันที่หุ้นบัตรเครดิตอย่าง KTC หลังหุ้นโดนรินออกมาไม่ขาดสาย จนทิศทางของหุ้นกลายเป็นไซด์เวย์ดาวน์เต็มตัวแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องเริ่มคิดกันอีกครั้งว่า การอ่อนตัวลงมายืนปิดที่ 38.50 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 3.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 304 ล้านบาท มันสะท้อนให้เห็นว่า พวกนักเล่นสถาบันไม่ต้องการหุ้นตัวนี้เก็บไว้ในพอร์ต และดูเหมือนการทิ้งหุ้นคงมีออกมาเรื่อย ๆ กระมัง!

Back to top button