ผิดแผนไปหมด ?
*วานนี้บรรดานักเล่นต่างตกอยู่ในภาวะงงเต็กกันเป็นแถว หลังเห็นแรงซื้อแปรเปลี่ยนเป็นแรงขายอย่างรวดเร็ว ทั้งที่จังหวะนี้มีประเด็น “คริสต์มาส แรลลี่” รองรับอยู่ และถัดจากนั้นก็มีประเด็นของ “วินโดว์ เดรสซิ่ง” คอยหนุนหลังให้อีกทอดหนึ่ง หรือแม้กระทั่งเริ่มต้นศักราชใหม่อย่างเป็นทางการ ก็มีการพูดกันอย่างหนาหูถึงเรื่อง “แจนยัวรี่ เอฟเฟกต์” มากมายเช่นกันนะตัวเอง!
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*วานนี้บรรดานักเล่นต่างตกอยู่ในภาวะงงเต็กกันเป็นแถว หลังเห็นแรงซื้อแปรเปลี่ยนเป็นแรงขายอย่างรวดเร็ว ทั้งที่จังหวะนี้มีประเด็น “คริสต์มาส แรลลี่” รองรับอยู่ และถัดจากนั้นก็มีประเด็นของ “วินโดว์ เดรสซิ่ง” คอยหนุนหลังให้อีกทอดหนึ่ง หรือแม้กระทั่งเริ่มต้นศักราชใหม่อย่างเป็นทางการ ก็มีการพูดกันอย่างหนาหูถึงเรื่อง “แจนยัวรี่ เอฟเฟกต์” มากมายเช่นกันนะตัวเอง!
*น่าเสียดายที่โลกแห่งความเป็นจริง ไม่มีอะไรแน่นอนสักอย่าง ส่งผลให้อาการช็อกตาตั้งเป็นเรื่องที่พบเห็นได้เป็นประจำ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นเข้าใจสัจธรรมในส่วนนี้มากขึ้น เพื่อทำให้การเคาะหุ้นต่อจากนี้เต็มไปด้วยความสุข (เคาะไป ลุ้นไป มันเหนื่อย) จึงขอไล่เรียงสถานการณ์ที่ทำให้หุ้นหลายตัวเกิดแอ็กซิเดนต์แบบไม่คาดฝัน ซึ่งเป็นชนวนเหตุให้หุ้นไหลลงมาที่ฐานเดิมอย่างรวดเร็วไงล่ะคะ
*เหมือนกับเหตุการณ์ที่หลายคนเฝ้ามองดัชนีแกว่งตัวไปมาทั้งในแดนบวกแดนลบ ก่อนจะลงเอยด้วยการยืนปิดที่ระดับ 1,568.63 จุด ลบไป 4.94 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.95 หมื่นล้านบาท ล้วนเป็นตัวแปรที่ทำให้การถีบตัวขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,600 จุดกลายเป็นเรื่องยากในทันที เพราะมันสะท้อนว่า นักเล่นไม่อยากเก็บหุ้นไว้ในพอร์ต และจะทำให้แนวต้านแรกบริเวณ 1,580 จุดเต็มไปด้วยแรงขาย ขณะเดียวกันเมื่อทะลุขึ้นไปได้ยังต้องวิ่งให้สุดแรงเพื่อทำให้ฐานใหม่บริเวณ 1,610 จุดแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมนะจะบอกให้
*เรื่องนี้เชื่อมโยงกับแรงเทขายที่ถล่มใส่หุ้น AOT แบบไม่ยั้งตั้งแต่เช้าจรดเย็น ล้วนมาจากเรื่องการประมูลดิวตี้ฟรีดอนเมืองได้เงินเข้ากระเป๋าต่ำกว่าเป้าที่ผู้รู้เขาฟันธงเอาไว้ หุ้นถึงไหลลงมายืนปิดอยู่ที่ 73.25 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.59 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ผิดแผนไปจากเดิมที่วางไว้ จึงน่าจะทำให้ราคาหุ้นมีโอกาสทรุดตัวหลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 72 บาทได้นะจ๊ะ
*ประเด็นดังกล่าวเทียบเคียงได้กับสถานการณ์ของหุ้น BEM หลังเกิดอาการนอยด์อย่างรุนแรงเมื่อ ก.คมนาคม ยืดอายุสัมปทานให้แค่ 15 ปี 8 เดือน จากเดิมเคยเจรจาต่อรองกันไว้ที่ 30 ปี ส่งผลให้นักเล่นพากันเทหุ้นออกมาเป็นระลอก ก่อนจะมีแรงซื้อไล่หุ้นกลับขึ้นมาอย่างช้า ๆ จนสุดท้ายปิดไปที่ระดับ 11 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไปเกือบ 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.32 พันล้านบาท ท่ามกลางคำแนะนำของกูรูสำนักต่าง ๆ “ให้ลุย” แบบนี้..เชื่อได้ไหม ต้องไปคิดกันเอาเองจ้า!
*เหมือนกับในรายของ สายเขียว..อุ๊ย..สีเขียว อย่างหุ้น KBANK ก็มีเรื่องให้แฟนคลับผิดหวังไม่ใช่น้อย เพราะร่ำลือกันมากเหลือเกินว่า นี่เป็นเป้าหมายการทำ window dressing ของบรรดากองทุนยักษ์ใหญ่ แต่เอาเข้าจริงกลับไม่มีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน “โมนิก้า” เลยอยากรู้เหมือนกันว่า การอ่อนตัวลงมายืนปิดที่ระดับ 148 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.07 พันล้านบาท มันเป็นจังหวะที่ต้องช้อนซื้อจริงไหมน่ะซี
*ช้ำหนักยิ่งกว่า..ช้ำรักจากเมืองชล “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น TSE หลังมีมือที่มองไม่เห็นสาดหุ้นลงมาโครมเดียว พร้อมกับเกิดแท่งเทียนสีแดงยาวปรี๊ด เดี๊ยนมองจากมุมไหน..มันไม่ใช่เรื่องปกติอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่ทุกคนรับรู้อยู่เต็มอกในเที่ยวนี้คือ ผลงานปังต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า จึงแปลกใจที่หุ้นทิ้งดิ่งลงมาปิดที่ 2.92 บาท ลบไป 0.24 บาท หรือลงไป 7.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 113 ล้านบาทแบบนี้..แคทลีน คงต้องออกโรงแจงแล้วล่ะค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ JMART โดนสาดลงมาเละเทะอย่างไม่น่าเชื่อ พร้อมกับเกิดอาการเครื่องน็อกกลางอากาศไปดื้อ ๆ “โมนิก้า” ย่อมรู้สึกไม่สบายใจที่เห็นพวกขาใหญ่เอาแต่ทุบหุ้นอย่างเดียว จนไม่มีใครกล้าเข้าไปรับหุ้นอีกแล้วแบบนี้! วานนี้ถึงเห็นหุ้นอ่อนตัวลงมา 7.80 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 57 ล้านบาทแบบไร้แรงขัดขืนอะไรทั้งสิ้น จึงต้องลุ้นให้วันนี้มีแรงซื้อกลับเพื่อทำให้ทรงของหุ้นไม่แย่ไปกว่าเดิมเจ้าค่ะ
*เม้าท์ถึงหุ้นที่มีอาการอ่อนปวกเปียกขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ต้องบรรจุชื่อของหุ้น ACE เข้าไปอยู่ในสารบบดังกล่าวด้วยอีกหนึ่งตัว หลังแรงซื้อหดหายไปดื้อ ๆ แถมโปรเจกต์ที่วาดฝันยังไม่มีอะไรโดนใจนักเล่น จึงพากันเทหุ้นเพื่อลงไปเล่นข้างล่างกันเป็นแถว หุ้นถึงลงมายืนปิดที่ 4.08 บาท ลบไป 0.08 บาท หรือลงไป 1.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 105 ล้านบาท และมีสิทธิทำ all time low แบบนี้..เดี๊ยนขอแนะนำว่า หากมีข่าวดีใหม่ ๆ ต้องรีบนำเสนอ เพื่อทำให้ทุกคนเข้าใจไปในทางที่ดีขึ้นแล้วนะคะ
*ตบท้ายกันที่ควันหลงระบบเทรดหุ้น “สตรีมมิ่งล่ม” กลายเป็นประเด็นที่สังคมคาใจจนถึงทุกวันนี้ เพราะตัวต้นเหตุไม่ชี้แจงอะไรออกมาเลย จนผู้คนมากมายสงสัยถึงจำนวนเม็ดเงินจำนวนมากที่ ตลท. สนับสนุนให้กับ เซ็ทเทรด จริง ๆ มันคุ้มค่ากับสิ่งที่บังคับให้โบรกเกอร์ทุกรายต้องใช้หรือเปล่า ? “โมนิก้า” ในฐานะคนกลางที่วัน ๆ เอาแต่เผือกเรื่องชาวบ้าน เลยเกิดอาการหูผึ่งกับเรื่องดังกล่าวในทันทีก็เท่านั้นเอง..ส่วนประเด็นที่สงสัยกันว่า อาจเกิดเหตุการณ์ซ้ำสองในอนาคตหรือเปล่า ? คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหัวเรือใหญ่ตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างคุณน้อง “ภากร” ดีกว่ามั้ง!..อิอิอิ