เปิดกลยุทธ์ลงทุนเดือนม.ค. สถิติชี้ชัด “January Effect” มีจริง! รีเทิร์นกว่า 7%

เปิดกลยุทธ์ลงทุนเดือนม.ค. สถิติชี้ชัด “January Effect” มีจริง! รีเทิร์นกว่า 7%


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจและรวบรวมบทวิเคราะห์ที่แนะนำถึงกลยุทธ์การลงทุนในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2563 โดยพบว่าในเดือนม.ค.ของทุกปีจะเกิดเหตุการณ์ January Effect ซึ่งมีความเชื่อว่าตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นจากการกลับเข้ามาลงทุนหลังจากผ่านเทศกาลวันหยุดยาวที่ต้องการปรับพอร์ตการลงทุนตอบรับกับปีใหม่

ขณะเดียวกันในช่วงท้ายปีเป็นช่วงที่กองทุนได้มีการทำ Window Dressing ซึ่งหลังจากนั้นจะทำการขายหุ้นออกมาในเดือน ธ.ค. และจะกลับมาซื้อคืนในเดือน ม.ค. ส่งผลให้ตลาดหุ้นช่วงดังกล่าวปรับตัวขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ (26 ธ.ค.62) หลังจากได้ทำการศึกษาถึงผลตอบแทนของ SET ช่วงไตรมาสแรกของปีนับตั้งแต่เกิดวิกฤตทางการเงินโลกในปี 2551 และพบว่า SET Index ให้ผลตอบแทนเป็นบวกติดต่อกันถึง 10 ปี ด้วยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 6% และหากวัดผลตอบแทน SETHD ย้อนหลัง 5 ปี พบว่าสถิติค่อนข้างดี

โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเด่นกว่า 7% เมื่อเทียบกับ SET ที่ 4% ด้วยเหตุผลที่ทำการศึกษามา แนะนักลงทุน เริ่มสะสมหุ้นในเดือน ม.ค. และขายเดือน เม.ย. นำโดย PTTGC (63.50), BCP (31.50), AP (7.50), LH (11.20) โดยนักลงทุนสามารถติดตามบทวิเคราะห์ฉบับเต็ม Micro Strategy ได้

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ (26 ธ.ค.62) ว่าในช่วงเดือนม.ค. พบว่า 5 ปี หลังสุดดัชนี SET ปรับตัวขึ้นทุกปีในเดือนม.ค.เฉลี่ย 2.2% รวมถึง การยืดอายุถือครอง LTF ทำให้ไม่มีแรงกดดันจากไถ่ถอนช่วงต้นปี ขณะที่ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงโลกยังได้แรงสนับสนุนจากการเจรจาการค้าระหว่าสหรัฐฯ และจีนที่ราบรื่น โดยล่าสุดปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาแสดงความเห็นว่าเขาและปธน.สี จิ้นผิง ของจีนน่าจะสามารถเซ็นข้อตกลงการค้ากันได้ในเร็วๆ นี้

ขณะเดียวกัน บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ (26 ธ.ค.62) ถึงประเด็นของตลาดหุ้นในปี 2563 แนวโน้ม SET ถึง Q1/ 2020 : Sideways Up เป้า 1,620 จุด ( หลุด 1,540 จุด = เลิก )

  1. คาดไตรมาส 1/63 ; Dividend Plays ( Yield 3 % ) หนุน SET Sideways Up เป้า 1,620 จุด
  2. คาด ม.ค. 2563 ; SSF Effect = กระตุ้นแรงขาย = SET ลงทดสอบ 1,562 & 1,540 จุด คาด 20 % (ราว 4 หมื่นล้านบาท ) ของเม็ดเงิน LTF ค้างท่อที่พร้อมขายได้ 2 แสนล้านบาท จาก LTF รวมทั้งหมดกว่า 3 แสนล้านบาท – จะขายหุ้นไทยลดความเสี่ยงปี 2563 – ขายหนัก ม.ค.
  3. แนวรับแกร่งปี 2563 = 1,540 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา หาก SET ลง < 1,540 จุด = Downside เปิด = จะเกิดแรงขาย ( ตัดขาดทุน ) ระลอกใหญ่ กรณีนี้ SET จะลงแรงและเร็ว ( Panic Sell ) สู่แนวรับ 1,400 & 1,300 จุด
  4. คาดราคาน้ำมันโลก WTI ไตรมาส 1/2563 = Sideways Up กรอบ US$ 57 – 64 / Barrel รับข่าว OPEC Cut กำลังการผลิตลงอีก 5 แสนบาร์เรลต่อวันเริ่ม 1 ม.ค. – 31 มี.ค. 63 หนุนแรงซื้อคืนกลุ่มน้ำมัน – โรงกลั่น ( PTT , PTTEP , PTTGC , BCP & IRPC )
  5. หุ้นกลุ่ม TIP Underperform หุ้นโลก ให้ผลตอบแทนปีนี้ (นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน) เพียง 1- 4 % ( หุ้นไทยแย่สุด + 1 % ) เทียบ MSCI ACWI = + 25 % MSCI ASIA = + 15 %
  6. January Effect มีหรือไม่ ? = ขึ้นกับนักลงทุนต่างชาติ จะกลับมาซื้อปั่นหุ้นไทยขึ้นหรือไม่ หลังจากในปี 2562 กำไรหนักจากการปั่นหุ้นยุโรป โดย 7 ปีที่ผ่านมา Net Sell หุ้นไทย 6.5 แสนล้านบาท สรุปไตรมาส 1/2563 ; คาด SET ลง ม.ค.63 ไม่หลุดแนวรับ 1,540 จุด แล้ว Sideways Up เดือน ก.พ. – มี.ค. 2563 ( Dividend Play ) เป้า 1,620 & 1,640 จุด

อนึ่ง January Effect คือ ความเชื่อของนักลงทุนที่ว่าตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นแรงในช่วงเดือนมกราคม จากการกลับมาของนักลงทุน หลังจากการหยุดยาวในช่วงเทศกาลคริสมาสต์ และเทศกาลปีใหม่ เพื่อปรับพอร์ตการลงทุนตอบรับกับปีใหม่ อีกทั้งในช่วงท้ายปีกองทุนอาจจะมีการทำ Window Dressing หรือจะต้องทำงบให้สวย ด้วยการขายหุ้นออกมาในเดือน ธ.ค. และกลับมาซื้อคืนในเดือน ม.ค.

 

 

Back to top button