พาราสาวะถี
เข้าสู่โหมดหยุดยาวกันเต็มพิกัด ขณะที่ภาคเอกชนยังมีฟันหรอวันที่ 30 ธันวาคม แต่ไม่ใช่สาระสำคัญ อารมณ์ บรรยากาศ ณ เวลานี้ คนคงไม่มีกะจิตกะใจที่จะสนใจเรื่องอื่น นอกเหนือจากการเดินทางท่องเที่ยว พักผ่อนและกลับภูมิลำเนา ส่วนภาครัฐก็มีภาระที่จะต้องเฝ้าติดตามเพื่อลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาล แม้จะปฏิบัติกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน แต่สถิติตัวเลขที่เกิดขึ้นก็ยังสูงอยู่ เมื่อเป็นเช่นนั้นคงไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเข้มงวดกวดขันของเจ้าหน้าที่ แต่เป็นเรื่องจิตสำนึกของคนใช้รถใช้ถนนกันล้วน ๆ
อรชุน
เข้าสู่โหมดหยุดยาวกันเต็มพิกัด ขณะที่ภาคเอกชนยังมีฟันหรอวันที่ 30 ธันวาคม แต่ไม่ใช่สาระสำคัญ อารมณ์ บรรยากาศ ณ เวลานี้ คนคงไม่มีกะจิตกะใจที่จะสนใจเรื่องอื่น นอกเหนือจากการเดินทางท่องเที่ยว พักผ่อนและกลับภูมิลำเนา ส่วนภาครัฐก็มีภาระที่จะต้องเฝ้าติดตามเพื่อลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาล แม้จะปฏิบัติกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน แต่สถิติตัวเลขที่เกิดขึ้นก็ยังสูงอยู่ เมื่อเป็นเช่นนั้นคงไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเข้มงวดกวดขันของเจ้าหน้าที่ แต่เป็นเรื่องจิตสำนึกของคนใช้รถใช้ถนนกันล้วน ๆ
ต้องอย่าลืมว่าการรณรงค์เรื่องลดอุบัติเหตุนั้นดำเนินการกันอย่างเข้มข้น ไม่เฉพาะช่วงเทศกาลแต่หน่วยงานที่รับผิดชอบก็ได้โฆษณา ประชาสัมพันธ์กันตลอด ทว่าคนที่ใช้รถใช้ถนนไม่ได้สนใจที่จะเคารพกฎ จิตสำนึกต่ำ อาศัยความสะดวกสบายของตัวเองเป็นที่ตั้ง จึงเกิดความมักง่ายใจแคบ ขณะที่พวกดื่มแล้วขับยิ่งในช่วงเทศกาลก็ไม่ลดจำนวนลงเลยแม้แต่น้อย เมื่อขอความร่วมมือไม่ได้ คงต้องให้ฝ่ายบังคับใช้กฎหมายจัดการกันเด็ดขาด ไม่มียอม ไม่มีหยวน คิดว่าน่าจะดีขึ้น
การเมืองว่าด้วยเรื่องฉายารัฐบาล ยังคงติดค้างคาใจ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เว้นแม้กระทั่งการไปพูดบนเวทีพบชาวบ้านที่จังหวัดชัยภูมิ ที่ประกาศตัวว่าเป็นบ้านเกิดของแม่ตัวเอง ยังแสดงความไม่พอใจต่อการไม่ให้เกียรติผู้นำประเทศ ทั้งที่ตั้งหน้าตั้งตาทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติและประชาชนมาเกือบ 6 ปี ซึ่งจะว่าไปแล้วความจริงสิ่งที่สื่อทำเนียบรัฐบาลทำกันนั้น ก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เกิดขึ้นมาตลอดระยะเวลาของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม คงจะตั้งสติได้แล้ว เพราะวันวานสื่อทำเนียบฯ นำมาลัยไปมอบให้ท่านผู้นำเพื่ออวยพรและขอพรปีใหม่ สิ่งที่ได้รับนอกเหนือจากคำอวยพรที่ต้องขีดเส้นใต้คือ ขอสื่ออย่ามาทำให้นายกฯ สติแตกก็แล้วกัน ความจริงก็น่าจะชินได้แล้วกับการนั่งบริหารประเทศมาเกือบ 6 ปี หากเชื่อมั่นว่าตัวเองเป็นนักการเมืองแล้ว ไม่ใช่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ไม่ใช่รัฏฐาธิปัตย์ ก็ต้องพร้อมที่จะรับการตรวจสอบและแรงกระแทกกระทั้นที่เกิดขึ้น
เรื่องของฉายาหาได้เป็นปัญหาต่อการทำงานไม่ เพราะสิ่งไหนไม่จริงประชาชนย่อมรับรู้ได้ ฉายาของสื่อทำเนียบฯ ยังไม่น่าสนใจเท่าที่ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ตั้งให้แม้จะชื่นชม ยกย่องผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและพี่ใหญ่อย่าออกหน้าออกตา เพราะต้นปีหน้าจะสลัดหัวโขนผู้นำฝ่ายค้านอิสระไปร่วมหัวจมท้ายกับรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำอีกกระทอกแล้ว แต่ที่หลายคนสนใจคงเป็นฉายาของ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ ในฐานะมือแจกกล้วยให้พรรคจิ๋วที่มีส.ส.เอื้ออาทร
เพราะฉายาที่เต้ พระราม 7 มอบให้มือประสานสิบทิศประจำพรรคสืบทอดอำนาจคือ “ผู้คิดค้นสกุลเงินใหม่-กล้วย” เป็นเหมือนหลักฐานการยอมรับว่ากล้วยที่ใช้เลี้ยงลิงนั้นก็คือเงิน ส่วนตัวเลขคนคงไปคิดกันว่าจะอยู่ที่กี่หลัก แน่นอนว่า 7 หลักคงไม่พอ นี่ยังไม่นับรวมเรื่องของการใช้บริการงูเห่าชั่วคราว ตามที่มีชื่อปรากฏเมื่อคราวแก้ปัญหาสภาล่มสองหนนั้นยังน้อยไป เพราะมีส.ส.โลว์โปรไฟล์จากพรรคร่วมฝ่ายค้านที่คอยรับกล้วยกันจนตัวกลมอยู่จำนวนหนึ่ง
โดยเฉพาะจากพรรคที่อ้างว่ามาจากฝ่ายประชาธิปไตย ด้วยจำนวนส.ส.ที่มีน้อยและไม่ได้แสดงบทบาทอันโดดเด่นในทางการเมือง ทำให้เรื่องการทำตัวเป็นงูเห่าชั่วคราวไม่ได้ตกอยู่ในความสนใจ ยิ่งในภาวะที่สังคมต่างจับตามอง 4 ส.ส.งูเห่าของอนาคตใหม่ ยิ่งทำให้คนเหล่านั้นเอาตัวรอดได้สบาย ขณะที่ฝ่ายของพรรคต้นสังกัดก็ไม่ได้สนใจ จะว่าไปตัวหัวหน้าพรรคเองก็มีบางหนที่ทำตัวไม่ต่างจากส.ส.ลูกพรรค นี่แหละที่เขาว่ากล้วย เอ๊ย!เงินไม่เข้าใครออกใคร
ด้านพรรคนายใหญ่หลังจากที่บรรดาแกนนำและส.ส.ได้บินไปสร้างกำลังใจกันมาแล้ว การทำงานดูเหมือนจะกระฉับกระเฉงและมีเป้าหมายกันมากขึ้น มีจะประสบกับความพ่ายแพ้ต่อการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 7 ขอนแก่น ก็ไม่ได้ทำให้คนแดนไกลและผู้บริหารพรรคเสียกำลังใจ เพราะเข้าใจถึงเหตุและปัจจัยที่ทำให้ปราชัยได้เป็นอย่างดี ในภาวะที่แจกแหลกทั้งผ่านนโยบายประชานิยมจำแลง และที่ไม่แสดงตัวตนเป็นเรื่องยากที่จะทำให้คว้าชัยชนะมาได้
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีตัวแปรเรื่องของขุมกำลัง การเดินเกมสารพัดวิชามารในพื้นที่เลือกตั้ง จึงทำให้วันนี้พรรคเพื่อไทยหันไปให้ความสำคัญกับการเตรียมข้อมูลเพื่อซักฟอกผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและรัฐมนตรีตามที่มีการแพลมรายชื่อกันออกมาก่อนหน้านี้ โดยยี่ห้อ ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นล้มรัฐบาล แต่ขอแค่เปิดแผลได้ซักจุดสองจุดแล้วโยนให้สื่อไปขยายผลต่อ เท่านี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
การเลือกเป้าอย่าง วิษณุ เครืองาม ที่มีประเด็นเรื่องของภาษีบริษัทบุหรี่อย่างฟิลลิป มอริส จะมีส่วนที่เป็นข้อมูลเอกสารและการต่อสู้ในคดีความมาเป็นตัวสับขาหลอก แต่เป้าจริงนั้นเป็นการมุ่งกระแทกในเรื่องของการตีความข้อกฎหมายสารพัดเพื่ออุ้มคณะเผด็จการสืบทอดอำนาจมากกว่า ชัดเจนว่าการที่จะต่อกรกับคนที่ได้ชื่อว่าศรีธนญชัยยังเรียกพี่นั้นคนของพรรคนายใหญ่ย่อมรู้พิษสงดี แต่หากลากไส้ทำให้คนเชื่อว่าเนติบริกรรายนี้หลักเสื่อมจนไม่เหลือความน่าเชื่อถือได้ก็ถือว่าทำงานได้ตามเป้าแล้ว
ขึ้นชื่อว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทุกยุคทุกสมัยจะเกิดข่าวการล็อบบี้ขอให้ตัวเองหลุดจากการมีชื่อลากขึ้นเขียง รอบนี้ก็เช่นกัน มีการพบปะต่อรองกันทั้งเสนาบดีจากพรรคแกนนำรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลที่สำคัญ เพราะอีกด้านก็อย่าลืมว่ายังมีเสือหิวในซีกฝ่ายค้านที่คอยป้อนข้อมูล ขายความลับให้กับฝ่ายตรงข้าม อันถือเป็นวิถีปกติของการเมือง ยิ่งความเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน 7 พรรค บางอย่างบางเรื่องบางครั้งจึงต้องมีความลับต่อกันอยู่เหมือนกัน
ไม่หวั่นไหวต่อการถูกดำเนินคดีแฟลชม็อบ โดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส่งทนายความเลื่อนนัดรับทราบข้อกล่าวหาจากสน.ปทุมวันจากวันนี้ (27 ธ.ค.)ไปจนกว่าจะสะดวก ด้วยเหตุติดงานปีใหม่ม้งที่จังหวัดตาก พร้อมบทส่งท้ายที่ต้องขีดเส้นใต้ “แล้วเจอกันเร็ว ๆ นี้” ก่อนจะติดแฮชแท็กไม่ถอยไม่ทน คนก็คิดกันถึงการก่อม็อบอย่างเดียว แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น ศรีสุวรรณ จรรยา สวมบทโหรฟันธงพรรคธนาธรรอดคดีอิลลูมินาติ แต่ถูกยุบจากปมกู้เงิน 191 ล้านบาท แม่นไม่แม่นหลังปีใหม่ค่อยมาดูกัน