หน้าต่างแตก
ที่จริงเคยเอ่ยไว้หลายครั้งเต็มทีว่าเรื่องการ “ซ่อมหน้าต่าง” หรือ วินโดว์ เดรสซิ่ง ไม่ใช่สัจธรรม แต่ก็ยังมีคนพูดถึงกันเรื่อยๆ
พลวัตปี 2019 : วิษณุ โชลิตกุล
ที่จริงเคยเอ่ยไว้หลายครั้งเต็มทีว่าเรื่องการ “ซ่อมหน้าต่าง” หรือ วินโดว์ เดรสซิ่ง ไม่ใช่สัจธรรม แต่ก็ยังมีคนพูดถึงกันเรื่อยๆ
เพียงแต่ปีนี้ ดูเหมือนคนซ่อมหน้าต่างจะไม่ทำงาน
ผลของวินโดว์ เดรสซิ่ง ซึ่งมักจะทำให้ราคาปิดหุ้นจำนวนมากในตลาดดูดีกว่าปกติเสมอ แต่หลายต่อหลายครั้งสถานการณ์ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะอาจจะมีลูกเล่นที่ทำให้สถานการณ์แปรเปลี่ยนได้ ที่คาดไม่ถึง เป็นเรื่องไม่แปลก
คราวนี้ก็เช่นกัน นักวิเคราะห์ประเภทเก่งเทคนิคบางคนถึงกับกล้าพูดหน้าไม่อายว่า ได้เวลาของภาวะกระทิงรอบใหม่แล้ว…ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ ๆ………ก็เลยอาการอึ้งกิมกี่แม้ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
ปิดตลาดวานนี้ ยอดสะสมซื้อสุทธิของกองทุน 4.4 หมื่นกว่าล้านบาท สวนทางกับต่างชาติที่ขายสะสมสุทธิใกล้เคียงกัน โดยที่ดัชนี SET ปิดตลาดใกล้เคียงกับปีก่อน ดังนั้นเวลาที่เหลืออีกแค่ 2 วันทำการ ก็คงไม่ทำให้ดัชนีปิดตลาดสิ้นปีนี้เหนือ 1,600 จุดได้ ยกเว้นมีปาฏิหาริย์
หากย้อนกลับไปที่รากเหง้าของพฤติกรรม วินโดว์ เดรสซิ่ง ต้องบอกว่าคำนี้ แรกเริ่มเดิมที มาจากศัพท์ที่ใช้กันในงานแต่งหน้าร้านของร้านค้าปลีก หรือร้านขายสินค้าแฟชั่นทั้งหลาย ที่พยายามตกแต่งหน้าร้านให้สวยหรูชวนฝัน เพื่อหลอกล่อให้ลูกค้าที่เดินผ่านไปมาตามท้องถนนเดินเข้าไปชมสินค้าภายในร้าน
ความหมายแรกเริ่มก็คือ การแต่งหน้าร้าน นั่นเอง
เมื่อคำนี้ถูกนำมาใช้เปรียบเทียบโดยนักต้องการเงิน สาระก็ยังคงมีลักษณะใกล้เคียงกัน นั่นคือ การตกแต่งรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูดีเกินจริงชั่วคราว
ในทางการเงิน ความหมายของวินโดว์ เดรสซิ่ง มีความแตกต่างกันระหว่างในวงการบัญชี กับวงการหุ้น
ในวงการบัญชี ความหมายของวินโดว์ เดรสซิ่ง คือ การแต่งบัญชี ซึ่งมีความหมายทางลบ โดยถือเป็นกลยุทธ์ที่เรียกว่า “ลับลวงพราง” (Trojan Horse Tactic) โดยการเคลื่อนย้ายตัวเลขทางบัญชีในงบการเงินทุกอย่างเพื่อให้ดูดีเกินจริง ทำให้ดูเหมือนว่าบริษัทดูดี
ส่วนใหญ่แล้ว กรรมวิธีวินโดว์ เดรสซิ่ง ทางบัญชี จะใช้กับกิจการที่มีปัญหาทางการเงิน และความสามารถของผู้บริหารหย่อนยาน จึงต้องใช้เล่ห์เพทุบายที่ฉ้อฉลทำให้ตัวเลขสวยงามเกินจำเป็นเพื่อปิดบังความไม่ปกติของกิจการ
ในวงการหุ้น วินโดว์ เดรสซิ่ง ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย อย่างที่เกิดขึ้นในวงการบัญชี เพราะคนที่ชอบใช้และจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์นี้ จะเป็นพวกผู้จัดการกองทุนทั้งหลายที่ลงทุนในตลาดหุ้น เพื่อทำให้มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของหน่วยลงทุนเมื่อวันสิ้นงวดแต่ละไตรมาสดูดี
ผลงานที่วัดกันได้จากวันสิ้นงวดไตรมาสของกองทุนแต่ละชนิด คือความจำเป็นที่จะต้องสร้างวินโดว์ เดรสซิ่งขึ้นมา วิธีการแต่งหน้าตา ก็คือการปรับพอร์ตการลงทุนที่มีทั้งขายและซื้อพร้อมกัน โดยผลลัพธ์ท้ายที่สุดก็คือการที่ทำให้มูลค่าของหน่วยลงทุนหรือสินทรัพย์สุทธิต่อหน่วย สวยงามมากขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยเปรียบเทียบกับผลงานในไตรมาสก่อนหน้า หรือระยะเดียวกันของปีก่อน
ที่ต้องทำก็เพราะว่า มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของหน่วยลงทุนของกองทุนแต่ละแห่งนั้น เขาวัดกันที่ราคาตลาดของหุ้น (มาร์ก ทู เดอะ มาร์เก็ต -mark to the market) เป็นสำคัญ
การปรับพอร์ต กลยุทธ์ “ปรับเปลี่ยน” (switching strategy) ก็คือ การเร่งขายหุ้นที่มีผลประกอบการไม่ดี หรือซื้อมาแล้วขาดทุนออกไป แล้วซื้อหุ้นที่มีผลประกอบการดีหรือมีอนาคตสดใสเข้ามาแทนที่ หรือ กำลังจะประกาศผลประกอบการที่ดีเป็นพิเศษในช่วงใกล้สิ้นไตรมาส
การปรับพอร์ตถือหุ้นมีอนาคตสดใสขึ้น ละทิ้งหุ้นที่มีอนาคตย่ำแย่ออกไปจากมือ เป็นกลยุทธ์ที่ไม่ใช่เรื่องประหลาด และไม่ควรจะถือเป็นเรื่องของการฉ้อฉลแต่อย่างใดทั้งสิ้น แต่มายาคติของนักลงทุนที่ไม่เข้าใจในกลยุทธ์การปรับพอร์ตของผู้จัดการกองทุน ทำให้เข้าใจกันผิด ๆ ต่อเนื่องมาว่า การทำวินโดว์ เดรสซิ่ง คือการดันราคาหุ้น หรือการเข้าซื้อทางเดียวของกองทุนเพื่อให้หุ้นราคาวิ่งแล้วตัวเลขกองทุนดูดีกว่าปกติ
ความไม่เข้าใจ หรือไขว้เขวเช่นนี้ ทำให้คนเชื่อกันว่า เมื่อวันสิ้นสุดงวดไตรมาสทุกครั้ง ดัชนีตลาดหรือหุ้นบลูชิพทั้งหลายในตลาดจะต้องถูกดันราคาหุ้นสูงขึ้น
หากข้อเท็จจริงตรงกันข้ามกับความเชื่อ คนที่เข้าใจผิดทั้งหลายก็จะพาลเชื่อว่า ไตรมาสนั้น ๆ ไม่มีการทำวินโดว์เดรสซิ่ง ทั้งที่โดยความเป็นจริงเบื้องลึกแล้ว การทำวินโดว์ เดรสซิ่ง ได้กระทำตลอดเวลา
การหาประโยชน์จากธุรกรรมวินโดว์ เดรสซิ่งในตลาด จึงอยู่ที่จะต้องจัดการซื้อหุ้นที่คาดว่าจะมีผลประกอบการล่วงหน้าสวยงามกว่าระยะเดียวกันของปีก่อน หรือดีกว่าไตรมาสที่ผ่านมา หรือ มีราคาต่ำกว่าบุ๊กเก็บเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อรอให้ผู้จัดการกองทุนเข้ามาซื้อเพื่อปรับพอร์ตในเวลาก่อนสิ้นไตรมาส แล้วก็ควรจะรีบขายหุ้นเน่า แม้จะเป็นหุ้นบลูชิพที่คาดว่าจะมีผลประกอบการย่ำแย่ลง ออกไปจากมือ ก่อนที่บรรดาผู้จัดการกองทุนจะขายก่อน
คำว่า “แต่งให้ดูดี” ของการทำวินโดว์ เดรสซิ่ง จึงไม่ใช่ความหมายของการไล่ซื้อหุ้นอย่างเดียวตามที่เข้าใจกัน
ขณะเดียวกัน นักลงทุนที่ชาญฉลาด ก็คงจะต้องดูด้วยว่า ทิศทางการลงทุนในพอร์ตลงทุนของบรรดาผู้จัดการกองทุนนั้น มุ่งไปทางทิศใด เช่น ก่อนจะสิ้นไตรมาส กองทุนมีการซื้อหุ้นเข้าพอร์ตจำนวนมากผิดปกติ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาจะทำวินโดว์ เดรสซิ่ง ตอนปิดไตรมาส ก็น่าจะเป็นการขายออกเพื่อ “ตัดขาดทุน” ซึ่งเป็นการทุบราคามากกว่า
ความเข้าใจในเรื่องวินโดว์ เดรสซิ่งของตลาดหุ้น จึงไม่ได้หมายความถึง การปั้นแต่งราคา แต่เป็น การปั้นแต่งพอร์ตลงทุนต่างหาก
หากปีนี้ หน้าต่างจะแตกบ้าง ก็ถือเป็นบทเรียนสำคัญในการลงทุน
ไม่ว่าจะเผาจริง หรือ เผาหลอก