พาราสาวะถี
เจอดีส่งท้ายปีในวันที่บอกว่าไปส่งประชาชนกลับบ้านที่สถานีขนส่งหมอชิต สำหรับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อดันไปถามผู้หญิงคนหนึ่งที่แสดงออกทางใบหน้าอย่างเด่นชัดว่า ไม่สบอารมณ์ที่ได้เจอผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ กับคำตอบที่ว่า “เบื่อนายกฯ” ก่อนที่ท่านผู้นำจะทำใจดีสู้เสือตอบกลับว่าขอบคุณและพูดในทำนองว่าเบื่อประชาชนไม่ได้ เพราะยังไงก็เป็นคนไทยด้วยกันที่จะต้องทำทุกอย่างให้เต็มที่ ทั้งที่ในใจคงคิดอีกด้าน
อรชุน
เจอดีส่งท้ายปีในวันที่บอกว่าไปส่งประชาชนกลับบ้านที่สถานีขนส่งหมอชิต สำหรับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อดันไปถามผู้หญิงคนหนึ่งที่แสดงออกทางใบหน้าอย่างเด่นชัดว่า ไม่สบอารมณ์ที่ได้เจอผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ กับคำตอบที่ว่า “เบื่อนายกฯ” ก่อนที่ท่านผู้นำจะทำใจดีสู้เสือตอบกลับว่าขอบคุณและพูดในทำนองว่าเบื่อประชาชนไม่ได้ เพราะยังไงก็เป็นคนไทยด้วยกันที่จะต้องทำทุกอย่างให้เต็มที่ ทั้งที่ในใจคงคิดอีกด้าน
หากเป็นยุคเผด็จการเรืองอำนาจไม่รู้ว่าหญิงสาวคนนั้นชะตากรรมจะเป็นอย่างไร แต่ก็อีกนั่นแหละหากเป็นยุคเผด็จการผู้นำคงนั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง ไม่สุงสิงลงไปใกล้ชิดกับประชาชน เพราะทุกอย่างชี้นิ้วสั่งได้ แต่พอจำแลงแปลงร่างจากเผด็จการมาสืบทอดอำนาจ จึงต้องงอนง้อขอคะแนนเสียงชาวบ้าน แต่งานนี้คงประเมินผิดหรือลืมตัวไปว่าที่นั่นขนส่งหมอชิตไม่ใช่การลงพื้นที่ซึ่งมีมวลชนจัดตั้ง คำตอบที่ได้จึงไม่เป็นไปอย่างที่ใจต้องการ
ความจริงก็รู้ตัวเองดีอยู่แล้วในวันที่ลงพื้นที่ชัยภูมิ เพราะท่านผู้นำพูดกับประชาชนเองรู้ว่าคนอีสานส่วนใหญ่ไม่ชอบขี้หน้านายกฯ แต่ก็ยังแสดงความซาดิสม์ด้วยการประกาศว่ายิ่งไม่ชอบยิ่งจะต้องลงพื้นที่พบปะบ่อย ๆ ดังนั้น สิ่งที่เจอแค่ประชาชนเบื่อจึงเชื่อว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจคงไม่ได้อินังขังขอบใด ๆ ก็ขนาดคนเกลียดยังไม่สนใจแค่นี้จะต้องมาใส่ใจทำไม อย่างไรก็ตาม หากเป็นผู้นำที่ได้เรียนทฤษฏีวิเคราะห์ความเสี่ยงมาแล้ว ย่อมรู้ดีว่าปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เรื่องชอบ ทักษิณ ชินวัตร เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
หากแต่ตลอดระยะเวลาแห่งการบริหารประเทศเกือบ 6 ปี สิ่งที่ประชาชนได้รับคือความเหลื่อมล้ำที่นับวันจะถ่างออกอย่างเด่นชัดยิ่ง ทั้งที่เผด็จการยึดอำนาจอ้างว่าเข้ามาเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ขณะที่ปัญหาปากท้องของประชาชน นอกเหนือจากโครงการแจกสะบัดเหมือนไฟไหม้ฟาง ไม่ได้มีโครงการใดที่จะทำให้ประชาชนรู้สึกว่ามั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เหมือนอย่างที่ผู้นำเผด็จการและลิ่วล้อได้โหมโพนทะนาแต่อย่างใด ในทางกลับกันความเป็นอยู่ของประชาชนกลับเป็นเรื่องตรงข้าม
ไร้ความมั่นคง พอตั้งต้นด้วยสิ่งนี้ไม่ต้องถามหาความมั่งคั่ง เช่นเดียวกับคำว่ายิ่งยืน คนหาเช้ากินค่ำตามคำโบราณที่เคยว่าไว้ ทุกวันนี้หาเช้ากินเช้ายังไม่พอ เงินเดือนที่ขยับกันทีละเล็กละน้อย สวนทางกับส่วนราชการที่ขึ้นกันมาต่อเนื่องนับแต่เผด็จการครองอำนาจ มันทำให้ภาวะค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้นต่อเนื่อง เพราะพ่อค้าแม่ขายพากันขยับราคาขึ้นตามค่าจ้างที่ขยับกันขึ้น นี่ยังไม่นับการขึ้นราคาช่วงน้ำมันราคาสูงที่พอราคาน้ำมันลดไม่ยักเห็นสินค้าชนิดใดลดราคาตามลงมาด้วย
จากปัจจัยความไร้ฝีมือในการบริหารนี่เอง ที่เป็นปุจฉาอันชัดเจนยิ่งว่าเหตุใดประชาชนถึงเบื่อขี้หน้าท่านผู้นำ อีกหนึ่งปัจจัยที่ถือเป็นสิ่งที่นักการเมืองทุกยุคทุกสมัยต่างเข้าใจกันดีนั่นก็คือ ยิ่งอยู่ในอำนาจนานเท่าไหร่ แล้วไร้ผลงาน ยิ่งจะนำมาซึ่งความเบื่อหน่ายของประชาชนเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว หากเป็นคนที่ยืนอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง ก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นและสรุปบทเรียน แต่เกรงว่าด้วยบริวารว่านล้อมที่เอาแต่เชลียร์ มีแต่เสียงสรรเสริญ ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะทำหูทวนลมกับสิ่งที่ตัวเองประสบพบเจอไปเสียฉิบ
ความจริงวันนี้ ไม่ได้มีแต่พวกที่อยู่ใกล้ตัวเท่านั้น แม้กระทั่งโพลบางสำนักก็ออกอาการเชียร์แบบหลับหูหลับตา ชอบอ้างว่าผลสำรวจความคิดเห็นของตัวเองมีความน่าเชื่อถือกว่าใครเพื่อน แต่พฤติกรรมระยะหลังกับผลโพลที่ออกมา คนทั่วไปก็เข้าใจได้ มันไม่ใช่ผลสำรวจที่ปกติอย่างแน่นอน สิ่งที่คนจำนวนไม่น้อยอยากถามต่อมาก็คือ โพลสำนักนี้ไปสุ่มถามคนแถวไหน ถึงไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับความเดือดร้อนที่คนส่วนใหญ่กำลังเผชิญ
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจความเห็นส่งท้ายปีล่าสุดของนิด้าโพล จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ถือว่า น่าจะใกล้เคียงกับความรู้สึกของคนส่วนใหญ่เป็นที่สุด แต่ก็ไม่แน่ใจว่าผลโพลดังกล่าวจะยิ่งสร้างความลำบากและหนักใจให้กับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ พรรคอนาคตใหม่ เข้าไปอีกหรือไม่ เพราะเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่าอันดับ 1 ร้อยละ 31.42 ระบุเป็นธนาธร เพราะอยากเห็นคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารบ้านเมือง มีความคิดที่พัฒนาประเทศ และเศรษฐกิจได้ดี
ขณะที่ผู้นำปัจจุบันอยู่ในอันดับ 2 ร้อยละ 23.74 ส่วนอันดับ 3 เห็นว่ายังไม่มีใครเหมาะสม ที่น่าสนใจคือ อันดับ 4 และ 5 เป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สองแกนนำสำคัญของพรรคฝ่ายค้าน ตรงนี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงออกถึงอารมณ์ของผู้คนส่วนใหญ่ต่อทิศทางการบริหารประเทศของรัฐบาลสืบทอดอำนาจได้เป็นอย่างดี และก็สอดรับกับคำถามที่ว่าพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้
เนื่องจาก ส่วนใหญ่ร้อยละ 30.27 ระบุพรรคอนาคตใหม่ รองลงมาร้อยละ 19.95 เป็นพรรคเพื่อไทย ส่วนพรรคสืบทอดอำนาจอยู่ในอันดับ 3 ที่ร้อยละ 16.69 ขณะที่ร้อยละ 13.46 ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย ภาพเหล่านี้มันบ่งบอกได้ว่าสถานการณ์ทางการเมือง ณ วันนี้นั้นเป็นอย่างไร เหตุที่ยกเอานิด้าโพลมาเป็นตัวอย่าง ต้องไม่ลืมว่าสถาบันการศึกษาแห่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสถาบันที่เป็นแกนหลักในการผลักดันม็อบชัตดาวน์ประเทศและโบกมือดักกวักมือเรียกเผด็จการ
ไม่แน่ใจว่า ต้องการไถ่บาปหรืออย่างไร ระยะหลังเราจะได้เห็นบุคลากรขององค์กรนี้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลสืบทอดอำนาจอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน เช่นกัน ผลโพลที่ออกมา พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต จากนิด้าอีกหนึ่งนักวิชาการที่ประกาศตัวชัดเจนว่ายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามระบอบทักษิณ มองว่า เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีก็ว่าได้ที่ความนิยมต่อพลเอกประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรี ลดลงจนกลายเป็นลำดับที่ 2 ขณะที่ความนิยมต่อธนาธรพุ่งขึ้นไปเป็นลำดับที่ 1
ส่วนความนิยมในพรรคการเมือง อนาคตใหม่ก็นำเป็นลำดับหนึ่งเกือบทุกภาค มีเพียงภาคใต้ที่เป็นรองประชาธิปัตย์เล็กน้อย ย่อมแสดงให้เห็นว่า การทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมาไม่สามารถดึงคะแนนนิยมจากประชาชนเพิ่มขึ้นได้เลย กลับยิ่งสูญเสียคะแนนนิยมไปเสียอีก งานนี้ต้องวัดใจท่านผู้นำกับลิ่วล้อผู้สอพลอจะรับฟังแล้วนำไปแก้ไขหรือเดินในแนวทางเดิมเพราะเชื่อมั่นกับกลไกที่ออกแบบไว้ใครก็ทำอะไรพวกกูไม่ได้