“ก.พลังงาน” สบช่องบาทแข็ง ผลักดัน “PTT-กฟผ.” เร่งลงทุน-ชำระหนี้ระยะสั้น
“กระทรวงพลังงาน” ผลักดัน “PTT-กฟผ.” อาศัยจังหวะบาทแข็ง เร่งลงทุน-ชำระหนี้ระยะสั้น
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้รัฐวิสาหกิจด้านพลังงาน ทั้ง บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ PTT และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เร่งลงทุนและชำระหนี้ระยะสั้นในช่วงนี้ เพื่อให้ได้ประโยชน์จากสถานการณ์เงินบาทแข็งค่าขึ้น
โดยในปี 2563 PTT มีแผนลงทุนประมาณ 1 แสนล้านบาท ขณะที่ กฟผ. มีแผนลงทุนประมาณ 36,000 ล้านบาท ทั้งนี้ การที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ยังส่งผลดีต่อการนำเข้าน้ำมันเพื่อจำหน่ายในไทยด้วย ทำให้ใช้เงินซื้อน้ำมันน้อยลง
นอกจากนั้น ในปี 2563 กระทรวงพลังงานยังมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ โดยมีหลายโครงการที่จะก่อให้เกิดการลงทุนรวมมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท เช่น โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน 700 เมกะวัตต์ มูลค่ารวมประมาณ 7 หมื่นล้านบาท , โครงการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล B20 (น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์ม 20%ในทุกลิตร) , โครงการส่งเสริมน้ำมันดีเซล B10 (น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์ม 10%ในทุกลิตร) , โครงการส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์จากเอทานอล ที่จะก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจกับสินค้าเกษตรทั้งอ้อยและมันสำปะหลัง และโครงการช่วยภัยแล้งที่จะนำเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน มาดำเนินการช่วยเหลือประชาชน เป็นต้น
ส่วนเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปี 2563 วงเงิน 1 หมื่นล้านบาทนั้น จะเปิดให้ยื่นเสนอโครงการได้ภายใน ม.ค. 2563 และคาดว่าจะเบิกใช้งบดังกล่าวได้ช่วงเดือนมี.ค. 2563 โดยการใช้เงินในครั้งนี้จะมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือประชาชนเกี่ยวกับภัยแล้งและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้มากที่สุด. นายสนธิรัตน์ กล่าว