พาราสาวะถี

เริ่มโหมโรงฟาดฟันกันให้เห็นวิถีการเมืองน้ำเน่าเด่นชัดขึ้นเป็นลำดับการศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเป็นเป้าหมายหลัก ตามมาด้วยเสนาบดีที่ลากจูงกันมาตั้งแต่คราวรัฐบาลคสช. ซึ่งคงไม่ใช่เป้าหลอก และยังมีแนวโน้มว่าอาจจะมีรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลพ่วงเข้ามาด้วย โดยกลุ่มหลังขึ้นอยู่กับปัจจัยการต่อรองหากสามารถอธิบาย ทำความเข้าใจกันได้ โดยที่ฝ่ายค้านเองก็ไม่มีหลักฐานชนิดจับให้มั่นคั้นให้ตาย ก็อาจต้องปล่อยผ่านกันไปก่อน


อรชุน

เริ่มโหมโรงฟาดฟันกันให้เห็นวิถีการเมืองน้ำเน่าเด่นชัดขึ้นเป็นลำดับการศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเป็นเป้าหมายหลัก ตามมาด้วยเสนาบดีที่ลากจูงกันมาตั้งแต่คราวรัฐบาลคสช. ซึ่งคงไม่ใช่เป้าหลอก และยังมีแนวโน้มว่าอาจจะมีรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลพ่วงเข้ามาด้วย โดยกลุ่มหลังขึ้นอยู่กับปัจจัยการต่อรองหากสามารถอธิบาย ทำความเข้าใจกันได้ โดยที่ฝ่ายค้านเองก็ไม่มีหลักฐานชนิดจับให้มั่นคั้นให้ตาย ก็อาจต้องปล่อยผ่านกันไปก่อน

ฝ่ายค้านที่มีเพื่อไทยเป็นแกนหลักส่ง อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคออกหมัดแย็บก่อกวนป่วนประสาทฝ่ายรัฐบาล ว่าด้วยความแน่นหนาของข้อมูล หลักฐานจนถึงขั้นที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงปรับครม.หรือขนาดที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอาจจะต้องลาออกกันทีเดียว ขณะที่ฟากพรรคสืบทอดอำนาจก็มี ธนกร วังบุญคงชนะ กระบอกเสียงพรรคขู่ฟ่อด ๆ ท่องคาถาความเป็นคนดีของท่านผู้นำ พร้อมกระทืบเท้าขู่พรรคนายใหญ่ระวังจะโดนคมหอกพุ่งใส่ตัว

ไม่มีอะไรซับซ้อนการซักฟอกที่จะเกิดขึ้นหนีไม่พ้นฝ่ายค้านต้องใช้วาทศิลป์ในการเชื่อมโยงลากเอา 5 เดือนของรัฐบาลปัจจุบันไปสัมพันธ์กับการบริหารกว่า 5 ปีของรัฐบาลเผด็จการที่ผ่านมา ส่วนฟากผู้ถืออำนาจก็จะย้อนศรด้วยการซักฟอกฝ่ายค้านกลับจากโครงการชิ้นโบว์ดำที่เผด็จการคสช.จัดการกับมือนั่นก็คือโครงการจำนำข้าว ซึ่งนั่นย่อมจะทำให้ฝ่ายทำหน้าที่ห้ามทัพอย่าง ชวน หลีกภัย ต้องยึดข้อบังคับการประชุมเคร่งครัด โดยไม่ให้ถูกสังคมมองว่ากลายเป็นจอมหลักการผู้เอนเอียง

ส่วนรองประธานของสองรายคือ “ตี๋กร่าง” สุชาติ ตันเจริญ และ “ครูแก้ว” ศุภชัย โพธิ์สุ จากพรรคสืบทอดอำนาจและภูมิใจไทยนั้น รายแรกโดยสถานะเชื่อได้เลยว่าเวลาที่ขึ้นทำหน้าที่อย่าได้ถามหาความเป็นกลาง ซึ่งจุดนี้จะกลายเป็นจุดชี้วัดว่ามีโอกาสทำให้เกิดการแตกหักระหว่างอภิปรายของฝ่ายค้านกับรัฐบาลหรือไม่ ส่วนรายของครูแก้วก็อาศัยการตามน้ำ บางอย่างหากไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็ยอมหยวน ๆ กันไป เพราะไม่คงไม่ขึงขังเต็มที่ เนื่องจากตัวเองอยู่ในฐานะที่ไม่ต้องเอากระดูกมาแขวนคอ

อย่างไรก็ตาม จากการแถลงข่าวล่าสุดของ ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย ที่เข้ามาดูแลเรื่องการเตรียมความพร้อมศึกซักฟอกโดยเฉพาะ แค่การเรียกน้ำจิ้มด้วยการประกาศว่ายังไม่เปิดเผยรายชื่อผู้อภิปราย เพราะรัฐบาลชุดนี้ได้ชื่อว่าเป็นพวกเกเร เท่านี้ก็เรียกแขกจากฝ่ายตรงข้ามได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังไม่พอแค่นั้น ในยุคสังคมออนไลน์ สารวัตรเหลิมได้โพสต์ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเปิดข้อมูลเหมือนเป็นการส่งสัญญาณบางอย่างที่จะเกิดขึ้นในการอภิปรายครั้งนี้

สิ่งที่ผู้ยิ่งใหญ่ย่านบางบอนปูดข้อมูลออกมาแม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ในสถานการณ์ที่ความเชื่อถือเชื่อมั่นของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจลดต่ำลง ย่อมจะทำให้คนทั่วไปหูผึ่งและเป็นแนวร่วมที่เคลือบแคลงสงสัยต่อความเป็นคนดี บริสุทธิ์ ผุดผ่องของท่านผู้นำได้ นั่นก็คือ กรณีการซื้อขายที่ดินของญาติผู้ใหญ่ของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ โดยชี้ประเด็นไปที่ บริษัท 69 พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่เป็นผู้ซื้อ จดทะเบียนเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2556 ทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท

มีการซื้อขายที่ดินญาติผู้ใหญ่ของท่านผู้นำเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2556 รวมจำนวน 9 แปลง เนื้อที่รวม 50 ไร่ 3 งาน 8 ตารางวา ราคาประเมินตามราคาราชการ 197,565,000 บาท แต่มาอ้างว่าซื้อขายกันในราคา 600,000,000 บาท ที่น่าสนใจคือบริษัทดังกล่าวจดทะเบียนก่อนซื้อที่ดินเพียง 7 วัน ณ วันซื้อขายยังมีทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาท ก่อนที่จะเพิ่มทุนเป็น 200 ล้านบาทในวันที่ 21 มิถุนายน 2556 และวันที่ 2 ธันวาคม 2556 เพิ่มทุนเป็น 628 ล้านบาท

ไม่เพียงเท่านั้นสารวัตรเหลิมยังขยายผลของข้อมูลดังกล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบพบว่ากรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัทดังกล่าวในช่วงก่อตั้ง 2 คนคนหนึ่งเป็นกรรมการ 26 บริษัท ขณะที่อีกรายเป็นกรรมการ 27 บริษัท ในจำนวนนี้ทั้งสองคนเป็นกรรมการร่วมกัน 22 บริษัท หนึ่งในนั้นมีบริษัทผู้ถือหุ้นเป็นเจ้าสัวน้ำเมาชื่อดังของไทย แน่นอนว่า บริษัทที่ถูกพาดพิงหรือบุคคลที่ถูกกล่าวหา รวมทั้งกระบอกเสียงของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็จะดาหน้าออกมาชี้แจง

แค่เห็นการจั่วหัวของหัวหน้าทีมเตรียมการซักฟอกของฝ่ายค้านก็เร้าใจ น่าติดตามแล้ว ที่เหลืออยู่ที่การเตรียมข้อมูล หลักฐานว่าหนักแน่น น่าเชื่อถือเพียงใด รวมไปถึงผู้ที่จะอภิปรายได้ เนื่องจากคนจำนวนไม่น้อยก็ยังเป็นห่วงอยู่ว่า กลัวฝ่ายค้านจะเป็นพวกท่าดีทีเหลว แต่โดยสถานการณ์ทางการเมืองที่พบว่า ภาวะเบื่อนายกฯ” เริ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น น่าจะเป็นจังหวะที่เอื้อให้ฝ่ายค้านสามารถโจมตีทำให้ขบวนการสืบทอดอำนาจเสียศูนย์ได้

อีกด้านฝ่ายถือหางเผด็จการสืบทอดอำนาจก็ดูเหมือนว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะช่วยพยุงให้ท่านผู้นำและคณะผ่านพ้นช่วงเวลาอันเลวร้ายไปได้ ขนาดโพลอย่างซูเปอร์โพลที่เห็นพาดหัวแล้วเร้าใจคิดว่านี่เป็นการนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง ใกล้เคียงกับความรู้สึกของประชาชนมากที่สุดในหัวข้อ ลางร้ายรัฐบาล” ที่พบว่าแนวโน้มของกลุ่มพลังเงียบลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากช่วงหลังเลือกตั้งที่เคยอยู่สูงถึงร้อยละ 56.1 ในเดือนเมษายน 2562 กลับตกฮวบลงมาอยู่ที่ร้อยละ 29.4 ในการสำรวจล่าสุดเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาไม่กี่วัน

แต่ นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการของสำนักโพลดังว่าก็ดีใจหายช่วยวิเคราะห์ว่าการเมืองเป็นเรื่องของการบริหารอารมณ์ ถ้าคุมอารมณ์คนได้ก็อยู่ได้ แต่จะเห็นได้ว่า ข้อความสื่อสารของฝ่ายหนึ่งใช้กลยุทธ์ปลุกอารมณ์ปั่นความรู้สึกผลักดันให้เกิดพฤติกรรมหมู่ และมีทีมงานรับทอดขยายผลเป็นหนึ่งเดียวกันสอดคล้องกันในโลกโซเชียล ขณะที่ฝ่ายท่านผู้นำกับทีมงานเน้นที่ความเป็นเหตุผล เพราะคิดว่าเอาหลักตรรกคุณงามความดีเป็นตัวนำ เอาความมุ่งมั่นตั้งใจของผู้นำเป็นพระเอก

วิธีการดังกล่าวไม่ได้ผล นพดลผู้แสนดีจึงเสนอต่อไปว่า ท่านผู้นำและทีมงานต้องใช้หลักวิเคราะห์จิต พิชิตใจ เข้าถึงและปฏิสัมพันธ์ทุกกลุ่มครอบคลุมเป้าหมาย ซึ่งผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอาจจะรู้จักเจ้าของหลักการนี้ดีและน่าจะใช้คน ๆ นี้เป็นตัวช่วย ไม่เช่นนั้นลางร้ายรัฐบาลที่ค้นพบครั้งนี้อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นนับเวลาถอยหลังของรัฐบาลที่มาเร็วเกินคาดแล้วกระมัง เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ในการวางตัวเป็นกลางของผู้ดูแลโพลสำนักนี้ได้เป็นอย่างดี

Back to top button