พาราสาวะถี
สถานการณ์โลกวันนี้ต่างจับตาไปที่ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่าน จากการที่ โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในกรุงแบกแดด เมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา สังหารพลตรีคาเซม โซไลมานี่ ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ “คุดส์” วัย 62 ปี ผู้มีบทบาทสำคัญในการแผ่ขยายอิทธิพลของอิหร่านในตะวันออกกลาง เสียชีวิตพร้อมนายทหารรวม 8 คน สร้างความแค้นและประกาศเอาคืนอย่างสาสมจากฝั่งอิหร่านทันที
อรชุน
สถานการณ์โลกวันนี้ต่างจับตาไปที่ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่าน จากการที่ โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในกรุงแบกแดด เมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา สังหารพลตรีคาเซม โซไลมานี่ ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ “คุดส์” วัย 62 ปี ผู้มีบทบาทสำคัญในการแผ่ขยายอิทธิพลของอิหร่านในตะวันออกกลาง เสียชีวิตพร้อมนายทหารรวม 8 คน สร้างความแค้นและประกาศเอาคืนอย่างสาสมจากฝั่งอิหร่านทันที
โดย อะยาตุลลอฮ์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ประกาศกร้าวจะล้างแค้นอย่างสาสม เช่นเดียวกับชาวอิหร่านหลายพันคน ในกรุงเตหะรานห์ แสดงความโกรธแค้นเกรี้ยวกราดร้องตะโกนไปทั่วท้องถนนในอิหร่าน ด้วยถ้อยคำเดียวกัน“ไปตายซะอเมริกา” ขณะเดียวกันมีการชัก “ธงแห่งการแก้แค้น” เหนือมัสยิดจามคาราน ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ผลจากความภาวะตึงเครียดดังกล่าว นักลงทุนต่างพากันวิตกว่าหากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายราคาน้ำมันโลกจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ส่วนจะรุนแรงถึงขั้นกลายเป็นชนวนของการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือไม่นั้น ตรงนี้ยังมีอีกหลายปัจจัย โดยเฉพาะบรรดาประเทศยักษ์ใหญ่ทั้งหลายต้องตั้งคำถามตัวโตว่า รบกันแล้วแต่ละชาติได้อะไร นาทีนี้จึงต้องรอดูท่าทีของคู่กรณีทั้งสองฝ่ายก่อน ฟากของผู้นำอเมริกานั้นพอเข้าใจได้ตัดสินใจทำเรื่องนี้เพื่อผลต่อตัวเองล้วน ๆ ในการเตรียมตัวรับการเลือกตั้งที่กำลังใกล้จะมาถึง ซึ่งในเวลาที่ผู้นำมะกันรายนี้มีคะแนนนิยมตกต่ำสุดขีด
ด้านอิหร่านก็คงจะดำเนินการล้างแค้น เอาคืน ด้วยการโจมตีฐานที่มั่นทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคต่าง ๆ โดยเฉพาะตะวันออกกลาง พร้อม ๆ กับการระดมทุนตั้งเป็นค่าหัวของทรัมป์ที่ล่าสุดวางไว้ที่ 2,400 ล้านดอลลาร์ หันกลับมาที่ประเทศไทยสถานการณ์อย่างนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่ทีมงานด้านเศรษฐกิจที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจลงทุนมากุมบังเหียนด้วยตัวเอง ต้องวิเคราะห์ให้ขาดผลกระทบที่จะตามมามีอะไรบ้างและต้องเตรียมการรับมืออย่างไร
ประสาผู้รู้ที่เที่ยวสอนคนไปทั่ว ไม่ใช่การแก้ตัวว่ารัฐบาลเผด็จการที่ผ่านมากว่า 5 ปีและที่กำลังทำอยู่ 5 เดือนที่ผ่านมา ไร้ความสามารถในการแก้ปัญหาให้กับประชาชน โดยเฉพาะปากท้อง แต่พยายามทำให้คนทั่วไปเห็นและเชื่อว่ารัฐบาลเผด็จการและเผด็จการซ่อนรูป ได้พยายามทำทุกวิถีทางแล้วซึ่งต้องใช้เวลา จึงต้องบอกให้ประชาชนรู้สึกอดทน ช่วยตัวเองบ้างในบางเวลาไม่ใช่ลอยคอรอคอยแต่ความช่วยเหลือจากรัฐบาลเพียงอย่างเดียว
พร้อม ๆ กับการอ้างความเป็นคนดี คิดดี ทำดี แต่ที่ทำไม่ได้กลับไม่ยักพูดถึง ระยะเวลาเกือบ 6 ปีที่คนรอคอยมานั้น วันที่รัฐบาลมีเสถียภาพพร้อมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดยังแก้ไขอะไรไม่ได้ และปัจจัยรุมเร้าทั้งภายในและภายนอกก็ไม่หนักหนาสาหัสเท่าวันนี้ ยังบ่มิไก๊ไร้ความสามารถในการดำเนินการให้สำเร็จ แล้วในภาวะที่เป็นรัฐบาลผสมเสียงปริ่มน้ำ โดยมีปัจจัยอื่นเข้ามาแทรกเป็นระยะ ยังมองไม่เห็นหนทางว่าท่านผู้นำและคณะจะมีปัญญาทำให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้อย่างไร
จำนวนผู้คนที่จะเข้าร่วมกิจกรรมวิ่งไล่ลุงในวันที่ 12 มกราคมนี้ ถือเป็นตัวชี้วัดประการหนึ่ง สะท้อนภาพความเบื่อหน่ายที่มีรัฐบาลสืบทอดอำนาจ ไม่ต้องมาอ้างว่าอีกด้านก็มีเดินเชียร์ลุงที่จงใจจัดขึ้นมาประชันวันเดียวกัน เพราะความเป็นผู้นำที่ดีเสียงชื่นชมหรือเชลียร์นั้น เป็นได้เพียงแค่กำลังใจหรือน้ำทิพย์ชะโลมใจให้เดินหน้าทำงานต่อ แต่เสียงของคนที่เดือดร้อนจากการไร้ความสามารถในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลนั้น แม้แค่หลักสิบหรือหลักร้อยคนก็ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ยิ่งมีคนเรือนหมื่นแสดงความรู้สึกเช่นเดียวกัน ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนอันเป็นผลพวงจากความไม่เอาไหนในการบริหารบ้านเมืองของท่านผู้นำและชาวคณะ เสียงเหล่านี้ต่างหากที่จะต้องฟังและนำไปสู่การแก้ไข ไม่ใช่เสียงที่จะต้องสั่งให้ฝ่ายความมั่นคงตรวจสอบ กดดัน ถ้าทำให้กิจกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นไม่ได้ก็จะยิ่งเป็นการดี ทั้งที่เสียงเหล่านี้คือเสียงสะท้อนอันแท้จริงว่าสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการไปนั้นมันเกิดมรรคผลมากน้อยเพียงใด
อย่าได้เที่ยวกล่าวหา ปรักปรำว่าพวกแกนนำที่จัดกิจกรรมนั้นก็คือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต่อต้านผู้นำตั้งแต่ติดหนวดมีม. 44 นั่นก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้สังคมโลกได้มองเห็นว่าเผด็จการนั้นไม่ยอมรับกระบวนการตรวจสอบใด ๆ และกดทับสิทธิ เสรีภาพของประชาชนเอาไว้ เมื่ออ้างว่าประชาธิปไตยได้กลับคืนสู่คนไทยแล้ว คนเหล่านี้จึงจัดกิจกรรมในเชิงสร้างสรรค์ หากเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างแท้จริง ต้องส่งคนเข้าไปร่วมและรับฟังว่า ทำไมถึงต้องจัดกิจกรรมแบบนี้และมีความคาดหวังอย่างไร
เหมือนอย่างที่ สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต. ผู้ที่ได้รับผลจากม.44 ประกาศเข้าร่วมกิจกรรมวิ่งไล่ลุง อธิบาย 4 เหตุผลของการเข้าร่วม ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเหตุผลที่น่ารับฟังทั้งสิ้น เหตุที่จูงใจให้ต้องสมัครร่วมวิ่งไล่ลุงกับเขาด้วย เพื่อต้องการร่วมแสดงออกให้ลุงเห็นว่า บ้านเมืองนี้เริ่มมีคนอยากไล่ลุงมากขึ้น เพราะลุงอยู่บริหารบ้านเมืองมานาน แต่ไม่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการเท่าที่ควรจะเป็น ความฝันและคำสัญญาที่ลุงสร้างว่า “จะขอปฏิรูปก่อนเลือกตั้งก็ไม่เห็นเป็นจริง”
ลุงไม่ได้แสดงความแตกต่างในทางที่ดีกว่านักการเมืองรุ่นก่อน ๆ ที่ลุงเคยว่าเขา แถมการตั้งรัฐบาลของลุง ยังมาจากการรวบรวมสารพันนักการเมืองสายยี้ที่ประชาชนส่ายหน้า ลุงสร้างกลไกกติกาที่ทำให้บ้านเมืองบิดเบี้ยว บทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญที่ส.ว.มาจากการแต่งตั้งของลุงเกือบทั้งหมด ไม่ใช่ความปรารถนาดีต่อบ้านเมืองแต่เป็นเพื่อความมั่นคงในตำแหน่งของลุงเท่านั้น ลุงยังคงนึกว่าตัวเองมีคะแนนนิยมดี คิดว่าตัวเองทุ่มเททำงานเหน็ดเหนื่อย ไปไหนก็มีแต่คนแวดล้อมยกย่องชมเชย ไม่รู้ถึงความรู้สึกที่แท้ของประชาชน
บทสรุปของสมชัยก็เหมือนอย่างที่กลุ่มจัดกิจกรรมได้อธิบายมาโดยตลอด และตรงกับความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ที่ไปสมัครร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ การแสดงออกด้วยการร่วมวิ่งไล่ลุงเป็นการส่งเสียงของประชาชนให้ถึงหูลุงว่า “เขาเบื่อแล้ว” เผื่อลุงจะปรับปรุงการทำงานของตัวเองให้ดีขึ้น วันนี้ยังไม่ถึงกับไล่กันจริงจัง แต่หากลุงยังทำตัวอวดรู้ สอนประชาชน แต่ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน วันที่ลุงจะโดนประชาชนลุกขึ้นมาไล่จริง ๆ คงจะเกิดขึ้นในไม่ช้า