น้ำมันดิบปิดขยับลง ตลาดวิตกอุปทานพุ่ง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงเกินไป หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า อิหร่านอาจจะผลิตและส่งออกน้ำมันได้มากขึ้น เมื่อการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านมีผลบังคับใช้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 75 เซนต์ ปิดวานนี้ (27 ก.ค.) ที่ 47.39 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 1.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 53.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังจากรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 21 แห่ง เป็น 659 แห่ง ซึ่งส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า อุปทานน้ำมันในสหรัฐและตลาดโลกยังคงอยู่ในระดับที่สูงเกินไป ซึ่งจะสร้างแรงกดดันให้กับราคาน้ำมัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า อิหร่านอาจจะผลิตและส่งออกน้ำมันได้มากขึ้นเมื่อการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านมีผลบังคับใช้
ทั้งนี้ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประกาศรับรองข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ ซึ่งจะปูทางไปสู่การยกเลิกการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน หลังจากเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น อิหร่าน และ 6 ชาติมหาอำนาจของโลก ซึ่งได้แก่ จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย สหรัฐ และเยอรมนี ได้บรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์
ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ส่วนสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น พุ่งขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 463.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล