สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 14 ม.ค. 2563
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 14 ม.ค. 2563
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดในแดนลบ หลังจากสื่อรายงานว่า สหรัฐจะไม่ปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติม จนกว่าจะถึงวันหลังเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย. ซึ่งรายงานข่าวดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจเกี่ยวกับทิศทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,939.67 จุด เพิ่มขึ้น 32.62 จุด หรือ +0.11% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,283.15 จุด ลดลง 4.98 จุด หรือ -0.15% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,251.33 จุด ลดลง 22.60 จุด หรือ -0.24%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวสหรัฐและจีนเตรียมลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกที่กรุงวอชิงตันในวันพุธนี้ ซึ่งจะช่วยคลี่คลายสงครามการค้าที่ส่งผลกระทบต่อตลาดมานาน 18 เดือน นอกจากนี้ ความตึงเครียดที่บรรเทาลงระหว่างสหรัฐและอิหร่านได้ช่วยหนุนบรรยากาศการซื้อขายด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.29% ปิดที่ 419.59 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,040.89 จุด เพิ่มขึ้น 4.76 จุด หรือ +0.08%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,456.49 จุด เพิ่มขึ้น 4.97 จุด หรือ +0.04% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,622.35 จุด เพิ่มขึ้น 4.75 จุด หรือ +0.06%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวสหรัฐและจีนเตรียมลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกในวันพุธนี้ ซึ่งจะช่วยคลี่คลายความขัดแย้งด้านการค้าที่ส่งผลกระทบต่อตลาดทั่วโลกมานาน 18 เดือน
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,622.35 จุด เพิ่มขึ้น 4.75 จุด หรือ +0.06%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) ขานรับรายงานที่ว่า จีนนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในปี 2562 ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มความต้องการน้ำมันในตลาดโลก ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 15 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 58.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 29 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 64.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง รวมทั้งข่าวสหรัฐและจีนเตรียมทำข้อตกลงการค้าเฟสแรกในวันพุธนี้ ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 6 ดอลลาร์ หรือ 0.39% ปิดที่ 1,544.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 25.4 เซนต์ หรือ 1.41% ปิดที่ 17.742 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 5.2 ดอลลาร์ หรือ 0.53% ปิดที่ 987.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 44.20 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 2,123.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สกุลเงินฟรังก์สวิสแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) หลังจากกระทรวงการคลังสวิตเซอร์แลนด์ยืนยันว่า สวิตเซอร์แลนด์ไม่ได้ใช้สกุลเงินฟรังก์สวิสเป็นเครื่องมือเพื่อฉวยความได้เปรียบในการแข่งขันทางการค้าตามที่สหรัฐกล่าวอ้าง ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ขยับขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่สหรัฐและจีนจะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกในวันพุธนี้
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9673 ฟรังก์ จากระดับ 0.9706 ฟรังก์ แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.98 เยน จากระดับ 109.91 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3058 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3047 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1129 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1138 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3028 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2998 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6904 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6906 ดอลลาร์สหรัฐ