พาราสาวะถี
โบกมือลาพระแม่ธรณีบีบมวยผมไปอีกราย กรณ์ จาติกวณิช ใช้เวทีเลี้ยงปีใหม่ของบรรดาส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่จัดให้กับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร้องเพลงรักเธอเสมอ พร้อมพรั่งพรูด้วยน้ำตา จำต้องจากลาพรรคที่อยู่มากว่าสิบปี ที่ถามไถ่กันให้วุ่นคือออกมาแล้วไปไหน ตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลสืบทอดอำนาจไม่น่าหนีไปไหน สำหรับคนที่มีความรู้ ความสามารถ เพราะเหตุที่ตีจากพรรคเก่าแก่มาก็เนื่องจากคณะผู้บริหารชุดปัจจุบันเห็นเป็นหัวหลักหัวตอ
อรชุน
โบกมือลาพระแม่ธรณีบีบมวยผมไปอีกราย กรณ์ จาติกวณิช ใช้เวทีเลี้ยงปีใหม่ของบรรดาส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่จัดให้กับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร้องเพลงรักเธอเสมอ พร้อมพรั่งพรูด้วยน้ำตา จำต้องจากลาพรรคที่อยู่มากว่าสิบปี ที่ถามไถ่กันให้วุ่นคือออกมาแล้วไปไหน ตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลสืบทอดอำนาจไม่น่าหนีไปไหน สำหรับคนที่มีความรู้ ความสามารถ เพราะเหตุที่ตีจากพรรคเก่าแก่มาก็เนื่องจากคณะผู้บริหารชุดปัจจุบันเห็นเป็นหัวหลักหัวตอ
ส่วนเรื่องทางการเมืองกับการตั้งพรรคใหม่ ใครที่สนิทชิดเชื้อกับ ธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหารไทยแอร์เอเชีย ต้องไปสะกิดถามจดจองชื่อพรรคคืบหน้าไปถึงไหน ใช้ชื่อพรรคว่าอะไร ที่กรณ์ออกจากประชาธิปัตย์มานั้น มานั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคเลยใช่ไหม เรื่องเหล่านี้ไม่มีลับลมคมในทั้งสิ้น อยู่เพียงแค่ว่าคนที่เคลื่อนไหวเตรียมการพร้อมที่จะพูดความจริงหรือยังตีบทไขสือนั้นก็ว่ากันไป แต่อีกไม่นานฟันธงรอล่วงหน้าจะได้เห็นโฉมของพรรคดังว่านี่แน่นอน
ขณะที่พรรคเก่าแก่ภายใต้บริบทชื่นชมกับอำนาจบริหารที่ได้รับการหยิบยื่นให้จากเผด็จการสืบทอดอำนาจ และพยายามที่จะสร้างผลงานให้เป็นที่ปรากฏเพื่อลบล้างภาพพรรคดีแต่พูด ขณะเดียวกัน ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายที่เกิดขึ้นภายในพรรคจากบรรดาส.ส.ที่ใกล้ชิดอดีตหัวหน้าพรรคคนก่อน ซึ่งแสดงบทบาทวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเป็นระยะ ถึงขนาดที่ เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช กล้าประกาศตัวว่าจะเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน พร้อมโหวตสวนในการซักฟอกของฝ่ายค้านที่กำลังจะเกิดขึ้น
ก่อนหน้านั้น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ผู้จัดการรัฐบาลตัวจริงเสียงจริง ก็เพิ่งป่าวร้องให้ผู้บริหารพรรคไปจัดการเทพไทที่ดันทะลึ่งมาโจมตีผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจด้วยข้อกล่าวหารุนแรงว่าเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้งรอบใหม่ และ เฉลิมชัย ศรีอ่อน แม่บ้านพรรคก็รับลูกทันควันว่าจะไปกำราบส.ส.รายนี้ โดยมีมาตรการที่เตรียมไว้แล้ว พอเข้าใจได้ในท่าทีเช่นนี้ อย่างที่รู้กันดีลก่อนจะประกอบพิธีกรรมลงมติเข้าร่วมรัฐบาลสืบทอดอำนาจ ก็เกิดจากคอนเนกชันเฉลิมชัย-ประวิตรนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ภายใต้การบริหารงานพรรคลักษณะเช่นนี้ คนที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรค ต่างพากันหวาดวิตกว่า เมื่อถึงคราเลือกตั้งจริงจะยังคงเหลือส.ส.ที่อยู่ร่วมหัวจมท้ายกันอีกซักกี่ราย เหมือนที่ พนิต วิกิจเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค เอ่ยปากในงานเลี้ยงที่กรณ์ประกาศไขก๊อกพ้นพรรคนั่นแหละ พรรคเราเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ส่วนหนึ่งคงต้องโทษพฤติกรรมอีแอบในอดีตที่ดันไปสมรู้ร่วมคิดกับขบวนการที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเพื่อล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ด้วยความคาดไม่ถึงว่า เผด็จการยุคใหม่จะอำมหิตถึงเพียงนี้ การเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคเก่าแก่จึงเสียทั้งไพร่พลคนสำคัญที่หนีไปซบพรรคสืบทอดอำนาจ เช่นเดียวกันกับฐานคะแนนเสียงในพื้นที่เป้าหมายสำคัญก็ถูกตีแตกกระจุยด้วยยุทธวิธีของขบวนการสืบทอดอำนาจ จนถึงนาทีนี้คนที่เป็นเนื้อแท้ของพรรคยังมองไม่เห็นหนทางว่าจะกอบกู้สถานการณ์ให้กลับคืนมาอยู่ในจุดที่เคยเป็นได้อย่างไร ยิ่งนานวันยิ่งเห็นกลเกมและชั้นเชิงเตะตัดขาพวกเดียวกันของฝ่ายสืบทอดอำนาจเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ความเคลื่อนไหวการเมืองว่าด้วยเรื่องของกิจกรรมวิ่งไล่และเดินเชียร์ อ่านปฏิกิริยาจากแก๊ง 3 ป.ก็ชัดเจนยิ่งว่าขาสั่น ถึงกับประสานเสียงอ้างความแตกแยกและผลกระทบด้านเศรษฐกิจ คำประกาศิตของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่สั่งผ่านการแถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรีให้ฝ่ายความมั่นคงทบทวนท่าทีต้องการจัดกิจกรรมดังกล่าว เป็นเหมือนการส่งสัญญาณในตัวว่าจากนี้ไปห้ามให้มีการจัดอีก แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าจะใช้กฎหมายใดไปเล่นงาน
การแสดงออกเช่นนี้ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า รัฐบาลนี้เป็นเผด็จการแปลงกาย ยังคงใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการจัดการกลุ่มการเมืองที่เห็นต่าง ไม่ต่างจากก่อนการเลือกตั้ง ทว่าครั้งกระโน้นยังมีกฎหมายพิเศษ มีมาตรยาวิเศษชี้นิ้วสั่งการได้ รอบนี้จะใช้เครื่องมือใดไปจัดการ เพราะหากไปดำเนินการในลักษณะคุกคาม ข่มขู่หรือกดดันสารพัดไม่ให้มีการจัดกิจกรรมที่ไม่ได้สร้างความเสียหายใด ๆ เว้นแต่เสถียรภาพของรัฐบาล มันก็ยากที่จะอธิบายให้สังคมเข้าใจได้ว่านี่เป็นเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
อย่าลืมเป็นอันขาด ตลอดเวลากว่า 5 ปีที่ผ่าน บ้านเมืองสงบเรียบร้อยเป็นอย่างยิ่ง แถมผู้บริหารประเทศยังมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่กลับไร้ปัญญาที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประเทศโดยเฉพาะปากท้องของประชาชน พออ้างว่าเป็นประชาธิปไตยแต่ยังคงไม่มีความสามารถที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น แล้วยังมาตั้งป้อมเอาผิดฝ่ายเห็นต่าง สังคมย่อมไม่คล้อยตามวาทกรรมเท็จที่เคยใช้กล่าวหา เล่นงานฝ่ายตรงข้ามได้ผลมาก่อนหน้านี้
ย้ำอีกครั้ง กลุ่มเคลื่อนไหวอาจมีนักการเมืองจากพรรคอนาคตใหม่ร่วมอยู่บ้างจนถูกมองว่าอยู่เบื้องหลัง แต่ระดับนำในการจัดกิจกรรมล้วนเป็นคนหนุ่มสาว ด้วยที่ผู้คนซึ่งเข้าร่วมก็เห็นชัดว่ามีความหลากหลาย จนกระทั่งผู้นำเผด็จการเองก็ยังออกอาการผ่านการแถลงข่าวอย่าได้มีการมาบอกว่าคนเจเนอเรชันนั่นนี่ที่เข้าร่วมฝ่ายต่อต้าน เพราะถือเป็นการแบ่งแยกประชาชน ทั้งที่ความเป็นจริงคนที่ไปร่วมกิจกรรมหาได้มีใครทำตัวเป็นพวกสร้างความแตกแยกไม่
เหตุผลของคนที่ไปวิ่งไล่ลุงก็ชัดว่าเบื่อหน่ายทั้งต่อความไร้ยางอายในการสืบทอดอำนาจ และการไร้ประสิทธิภาพในการพัฒนาประเทศ คนจำนวนไม่น้อยที่เคยหลงผิดไปเชียร์ลุง ชวนลุงออกมาก่อการรัฐประหาร วันนี้เขาก็ออกมาเรียกร้องให้ลุงแสดงความสามารถยังไม่มีใครไล่ให้ลุงรีบๆ ออกไป แต่ด้วยหัวใจที่มันปิดรับความเห็นต่างมาตลอด จึงมองคนเหล่านั้นเป็นศัตรูผิดกับปากที่เที่ยวพล่ามว่าไม่เคยเห็นใครเป็นศัตรู
ต้องจับตาดูฝ่ายความมั่นคงจะแสดงฤทธิ์เดชกันอย่างไร หนีไม่พ้นการอ้างเรื่องพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ 2558 พ่วงเข้ากับวิถีปฏิบัติตามความถนัดของพวกเผด็จการ แต่การที่มวลชนจุดติดและแนวคิด วิธีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนไปจากเดิมมาก หากเดินเกมผิดเพียงนิดเดียว งานนี้อาจจะมีพวกเป็นจำเลยสังคมและคงถึงเวลาที่ฝ่ายสืบทอดอำนาจอาจจะต้องแสดงความรับผิดชอบจริง ๆ เสียที