KWG อสังหาฯสู่ประกัน

ต้องยอมรับว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เจอมรสุมรุมเร้า ไม่ว่าจะเป็นกำลังซื้อของผู้ซื้อชาวต่างชาติที่หายไป ส่วนกำลังซื้อภายในประเทศก็ชะลอตัวลง ปัญหาโอเวอร์ซัพพลายของคอนโดมิเนียมบางทำเล ล่าสุดยังเจอมาตรการคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ของแบงก์ชาติซ้ำเติมอีก


สำนักข่าวรัชดา

ต้องยอมรับว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เจอมรสุมรุมเร้า ไม่ว่าจะเป็นกำลังซื้อของผู้ซื้อชาวต่างชาติที่หายไป ส่วนกำลังซื้อภายในประเทศก็ชะลอตัวลง ปัญหาโอเวอร์ซัพพลายของคอนโดมิเนียมบางทำเล ล่าสุดยังเจอมาตรการคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ของแบงก์ชาติซ้ำเติมอีก

ทำให้บางรายแทบไม่โตเลย หรือเติบโตต่ำ  หนึ่งในนั้นมีบริษัท คิง ไว กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KWG รวมอยู่ด้วย

จะเห็นได้ชัดจากงบ 9 เดือนปี 2562 ที่ขาดทุนสุทธิไปแล้ว 306 ล้านบาท จากรายได้รวม 73 ล้านบาท

หลายบริษัทบริหารความเสี่ยงด้วยการออกไปทำธุรกิจใหม่ ๆ

ขณะที่ KWG ซึ่งทำอสังหาฯ ทั้งขายและให้เช่า ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่ไม่ใหญ่มาก เน้นจับตลาดระดับบน…ที่ผ่านมาก็พยายามไดเวอร์ซิไฟด์ธุรกิจ หาธุรกิจที่เป็น Recurring Income มากขึ้น

ที่เห็นชัด คือการรุกไปสู่ธุรกิจประกันอย่างครบวงจร โดยก่อนหน้านี้ได้ซื้อหุ้นบริษัท คิวบีอี อินชูแรนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท คิง ไว ประกันภัย

ล่าสุดทุ่มงบ 1,000 ล้านบาท ซื้อหุ้นบริษัท แมนูไลฟ์ ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกั ซึ่งเป็นกลุ่มทุนประกันภัยยักษ์ใหญ่ระดับโลกจากแคนาดา

โดย KWG จะใช้วิธีออกหุ้นเพิ่มทุนมูลค่า 1,200 ล้านบาท ขายให้ผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering) อัตราส่วน 1.7561 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่

แบ่งเป็นเงิน 1,000 ล้านบาท นำไปซื้อหุ้นทั้งสองบริษัท ส่วนเงินที่เหลือ 200 ล้านบาท จะใช้เป็นเงินหมุนเวียนในธุรกิจ

คาดว่ากระบวนการทั้งหมดจะแล้วเสร็จช่วงต้นเดือน เม.ย. 2563 และจะมีการรับรู้รายได้เข้ามาทันที

ก็น่าสนใจว่า จากธุรกิจอสังหาฯ ไปสู่ประกันฯ จะประกันรายได้ให้ KWG ได้มากน้อยแค่ไหน..?

แต่เบื้องต้นถ้าดูจากงบการเงินบริษัท แมนูไลฟ์ ประกันชีวิต (ประเทศไทย) ที่ยังขาดทุนต่อเนื่อง…ปี 2559 ขาดทุนสุทธิ 354 ล้านบาท จากรายได้รวม 587 ล้านบาท ปี 2560 ขาดทุนสุทธิ 850 ล้านบาท จากรายได้รวม 869 ล้านบาท และปี 2561 ขาดทุนสุทธิ 71  ล้านบาท จากรายได้รวม 392 ล้านบาท 

ส่วนบลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) สถานการณ์ย่ำแย่ไม่ต่างกัน ปี 2559 ขาดทุนสุทธิ 32 ล้านบาท จากรายได้รวม 93 ล้านบาท ปี 2560 ขาดทุนสุทธิ 35 ล้านบาท จากรายได้รวม 99 ล้านบาท และปี 2561 ขาดทุนสุทธิ 53 ล้านบาท จากรายได้รวม 91 ล้านบาท

จัดว่าน่าเป็นห่วง…ดังนั้นงานแรก KWG คงต้องไปแก้ขาดทุนเรื้อรังของทั้งสองบริษัทให้ได้เสียก่อน

ไม่งั้นแทนที่จะมาช่วยเติมพอร์ตรายได้ จะกลายเป็นตัวฉุดแทน…

โอกาสที่จะเห็น KWG เทิร์นอะราวด์ในปี 2564 ตามที่ผู้บริหารประกาศไว้ ก็คงเป็นแค่ฝันที่ยังไม่ตื่น

ถ้าเป็นอย่างนั้นละแย่เลย…ยังไงก็เอาใจช่วยละกัน

…อิ อิ อิ…

Back to top button