พาราสาวะถี

อรชุน

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ในประเทศจีน สี จิ้นผิง ผู้นำสูงสุดสั่งใช้มาตรการเข้มข้นสูงสุดตั้งแต่การห้ามใช้ระบบขนส่งทุกประเภทในประเทศ เรื่อยมาจนกระทั่งสั่งชัตดาวน์ทัวร์จีนห้ามออกนอกประเทศและประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับสูงสุด ขณะที่ในประเทศไทยการพบผู้ป่วยที่อยู่ในการดูแลของกระทรวงสาธารณสุข ก็ล้วนแต่เป็นคนที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นทั้งสิ้น ที่ต้องเฝ้าระวังคือรายของคนไทยที่เดินทางมามีการไปพบปะกับผู้คนในพื้นที่หรือไม่

เพราะหากใช้มาตรการเฝ้าระวังสูงสุดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด จำเป็นต้องกักตัวผู้ป่วยและผู้อยู่ในข่ายใกล้ชิดกับผู้เฝ้าระวังทั้งหมด นี่จะเป็นบทพิสูจน์มาตรการของรัฐบาลโดยการนำของ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขว่า จัดการได้หรือไม่ หลายคนเป็นห่วงรัฐบาลที่พะวงกับตัวเลขเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว จะไม่รัดกุมมากพอจนนำมาสู่การแพร่ระบาดในประเทศได้

การเมืองไทยก็มีไวรัสแพร่ระบาดเหมือนกัน แต่เป็นไวรัสของการไล่บี้เอาผิดยุบพรรคอนาคตใหม่ให้ได้ จากกรณี ณฐพร โตประยูร คนที่ไปยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบแต่ศาลยกคำร้อง ล่าสุด บุกไปยื่นกกต.ให้ดำเนินการให้ยุบพรรคอนาคตใหม่อีกรอบ ด้วยข้อกล่าวหาเดิมคือเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งกกต.ก็ได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาสอบและเชิญคนร้องมาให้ข้อมูลแล้ว ตามที่ณฐพรว่า

อย่างไรก็ตาม ทางฟากของอนาคตใหม่ก็ไม่ปล่อยให้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว สัปดาห์นี้ส.ส.ของพรรคจะหารือและรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้เอาผิดกับณฐพร เนื่องจากเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกินกว่าเหตุเป็นอย่างยิ่ง เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่ไปแล้ว โดยมีเหตุผลหนึ่งคือ ข้อกล่าวหาของผู้ร้องยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเพียงพอ ซึ่งอนาคตใหม่เห็นว่าการกระทำเช่นนี้มีเจตนาที่ชัดเจนและสร้างผลเสียหายให้กับพรรค

จะว่าไปแล้ว หากไม่มีเจตนาอย่างอื่นหรือเกรงว่าตัวเองจะเสียหน้า ก็ไม่ควรที่จะดำเนินการอะไรอีกสำหรับผู้ร้อง เพราะคดีที่จะเอาผิดกับพรรคการเมืองแห่งนี้ยาวเป็นหางว่าว อีแค่ที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้รอดำเนินการตามขั้นตอนคือการกู้เงิน 191 ล้านบาทจากหัวหน้าพรรค ก็ไม่น่าจะรอดแล้ว ดังนั้น ความพยายามที่จะกระทำการใด ๆ กับอนาคตใหม่ จึงกลายเป็นการสร้างคะแนนสงสารให้เสียมากกว่า และด้วยการเป็นผู้ถูกกระทำเช่นนี้ ยิ่งจะทำให้คนหันมาสนับสนุนเพิ่มมากขึ้น

สิ่งที่ฝ่ายสืบทอดอำนาจปฏิเสธไม่ได้ ไม่ว่าแรงกระแทกที่ถาโถมเข้าใส่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และแกนนำของพรรค รวมทั้งตัวพรรคไม่ว่าจะมาจากทิศทางใด แต่คนส่วนใหญ่ต่างมองไปในทิศทางเดียวกันว่า ล้วนแต่เกิดจากการสุมหัวกันของเครือข่ายสืบทอดอำนาจในการขจัดเสี้ยนหนามที่คอยทิ่มแทงให้เผด็จการแปลงร่างไม่สามารถก้าวเดินได้อย่างสะดวกโยธินพ้นไปจากเส้นทาง ทว่าหลังการเลือกตั้งคนตื่นรู้กันจำนวนมาก ประกอบกับความไร้สามารถในการทำให้คุณภาพชีวิตคนดีขึ้น

มันจึงเกิดกระแสเบื่อผู้นำพร้อม ๆ กับการหันไปสนับสนุนพรรคทางเลือกใหม่กันมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่ายิ่งกดดันมากเท่าไหร่ ฝ่ายถูกกระทำหาได้หวาดกลัวหรือท้อถอยไม่ นับวันยิ่งท้าทาย นานวันยิ่งทำให้สังคมเห็นว่า พรรคที่ตั้งขึ้นมาไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจหากแต่เป็นคนรุ่นใหม่ผสมผสานกันนักวิชาการ คนรุ่นเก่าที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง ดังนั้น การยุบพรรคจึงหาใช่การยุติบทบาทของคนเหล่านั้นไม่ หากแต่กลับจะเป็นจุดชนวนของการเริ่มต้นต่อสู้ที่เข้มแข็งขึ้น

อ่านท่าทีเช่นนี้ได้จาก ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่ไปพูดบนเวที Future Fest 2020 ของพรรคเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นอกจากอัดเนติบริกรบางรายซึ่งไปรับใช้อำนาจเผด็จการด้วยท่วงทำนองที่ดุเดือดแล้ว ยังชี้ให้เห็นว่าวันนี้ประเทศไทยเป็นสังคมอำนาจนิยม แต่อำนาจนิยมจะหมดไปได้ต้องเริ่มจากการไม่เชื่อฟังอำนาจ จึงเชิญชวนให้ทุกคนลองเริ่มต้นทดลองไม่เชื่อฟังและท้าทายอำนาจ ออกแบบความคิดที่สร้างสรรค์กว่าที่เป็นอยู่

โดยเริ่มทดลองและตั้งคำถาม ก็จะเป็นเสรีภาพที่ไม่เชื่อฟังอำนาจ ถือเป็นเสรีภาพที่สมบูรณ์ที่สุด แม้ว่าอาจจะเดือดร้อน แต่การไม่เชื่อฟังเช่นนี้จะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง แม้เสี่ยงตายแต่จะนำไปสู่การปลดปล่อยและเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ขอให้ไปทดลองและทดสอบดู โดยเฉพาะการตั้งคำถามเกี่ยวกับการใช้อำนาจและคิดท้าทาย หาทางออกร่วมกันเพื่อให้ประเทศไปสู่สังคมที่ดีกว่า ท่าทีเช่นนี้มันสะท้อนให้เห็นว่าต่อให้อนาคตใหม่ถูกยุบ ระดับนำและส.ส.ของพรรคก็ไม่สิ้นหนทางและไม่ยุติความเคลื่อนไหวแน่นอน

อาจมีบ้างบางคนที่หวั่นไหวกับสิ่งเย้ายวนแล้วแปลกแยกแตกตัวออกไป แต่หาได้ทำให้ภาพใหญ่ของการก้าวเดินเพื่อบรรลุเป้าหมายเสียหาย การประกาศกร้าวพร้อมรับชะตากรรมที่จะต้องเผชิญของธนาธรหลังถูกเขี่ยพ้นตำแหน่งส.ส. ถือเป็นสัญญาณของการชักธงรบเต็มที่ การที่มีผู้นำซึ่งไม่กลัวและพร้อมจะลุย ย่อมทำให้แนวร่วมรวมทั้งคนที่เบื่อหน่ายผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและลิ่วล้อเกิดความฮึกเหิม อันสวนทางกับสถานการณ์ของอีกฝ่ายที่มีแต่สาละวันเตี้ยลงเรื่อย ๆ

ภาวะติดแหง็กของร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ที่รอการวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ หากเป็นฝีมือฝ่ายค้านเปิดโปงคงจะถูกถล่มเละว่าเป็นเกมการเมืองสกปรก แต่พอคนเปิดเป็นพวกเดียวกันทุกอย่างจึงอยู่ในภาวะน้ำท่วมปาก โดยที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็ได้แต่ข่มความแค้นไว้ในใจรอจังหวะที่จะเอาคืนให้สาสม ขณะที่ฝ่ายค้านก็แสดงสปิริตโดย วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วต้องเริ่มกระบวนการกันใหม่ ฝ่ายค้านยินดีที่จะยกมือผ่านให้อย่างรวดเร็ว

ปัญหาคนกันเองกับรัฐบาลสืบทอดอำนาจถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดภาวะระส่ำระสายอยู่เนืองๆ  ล่าสุด ก็เป็นม็อบชาวสวนยางบุกบ้านส.ส.ประชาธิปัตย์กับพลังประชารัฐที่นครศรีธรรมราช โทษฐานไม่ทำตามสัญญา ราคายางยังไม่ถึงเป้าหมายตามที่คุยโม้ไว้กิโลกรัมละ 60 บาท ช่วงนี้อาจมีข้อแก้ตัวจากสารพัดปัจจัยที่รุมเร้า แต่มันก็แค่การซื้อเวลาไม่ใช่ถอดสลักทำให้ความเดือดร้อนนั้นหมดไป เท่ากับว่ารัฐบาลกำลังวางระเบิดเวลาให้กับตัวเอง หากคนเหล่านั้นหมดความอดทนคิดดูว่าอานุภาพระเบิดมันจะรุนแรงขนาดไหน