ADVANC ความเสี่ยงที่อีกนาน

ราคาหุ้นบนกระดานของ ADVANC ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลงหนัก เกือบหลุดระดับ 200 บาท ซึ่งเกิดจากอาการแพนิกหลังได้รับคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ


คุณค่าบริษัท

ราคาหุ้นบนกระดานของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลงหนัก เกือบหลุดระดับ 200 บาท ซึ่งเกิดจากอาการแพนิกหลังได้รับคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ด้วยคะแนนเสียงข้างมาก (3 ต่อ 2) ให้บริษัทชำระเงินผลประโยชน์ตอบแทนเป็นจำนวน 31,076 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 1.25% ต่อเดือนนับตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2558

เนื่องจากทีโอทีได้เรียกร้องให้บริษัทชำระเงินผลประโยชน์ตอบแทนเพิ่มเติมจากการทำข้อตกลงต่อท้ายสัญญาอนุญาต ครั้งที่ 6 และครั้งที่ 7 จำนวน 62,774 ล้านบาท โดยกล่าวอ้างว่าการทำข้อตกลงต่อท้ายกรณีการลดส่วนแบ่งรายได้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงิน และกรณีการหักค่าใช้จ่ายการใช้เครือข่ายร่วม (roaming) เป็นการแก้ไขสัญญาในสาระสำคัญทำให้ทีโอทีได้ผลประโยชน์ตอบแทนต่ำกว่าที่กำหนดในสัญญาหลัก

อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่เห็นด้วยกับคำชี้ขาดดังกล่าวโดยเห็นว่าเป็นคำชี้ขาดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งบริษัทจะดำเนินการยื่นคำร้องเพื่อขอเพิกถอนคำชี้ขาดต่อศาลปกครองกลาง

อีกทั้งบริษัทแจ้งว่า ผลของคำชี้ขาดข้างต้นจึงไม่ได้กระทบต่อฐานะการเงินและสภาพคล่องของกิจการหรือความสามารถในการชำระหนี้

ทว่าหากคำนวณมูลค่าดอกเบี้ยบนจำนวนเงินค่าปรับที่ 31,076 ล้านบาท ที่ 1.25% ต่อเดือน นับจาก พ.ย. 2558 จนถึงปัจจุบัน จะอยู่ที่ราว 19,423 ล้านบาท รวมมูลค่ากว่า 50,499 ล้านบาท

จากประเด็นคณะอนุญาโตตุลาการชี้ขาดให้ทาง ADVANC ชำระเงินแก่ทีโอที ซึ่งเป็นการส่งผลลบในเชิง Sentiment ระยะสั้นเท่านั้น สำหรับการที่บริษัทถูกตัดสินให้แพ้คดีดังกล่าวถือว่าเป็น Sentiment เชิงลบต่อราคาหุ้นในระยะสั้น

แต่ถึงอย่างไรมองว่าผลกระทบของประเด็นดังกล่าวไม่ควรรุนแรงจนมีนัยสำคัญ ณ ปัจจุบัน เนื่องจาก 1)คดียังอยู่ในเพียงขั้นตอนของคณะอนุญาโตตุลาการ บริษัทยังมีโอกาสในการยื่นเพิกถอนต่อศาลปกครองกลาง และศาลปกครองสูงสุดได้ ซึ่งจะกินเวลาไปอีกอย่างน้อย 3-5 ปี 2)คณะอนุญาโตตุลาการได้ชี้ขาดด้วยคะแนนเสียงข้างมากเพียง 3 ต่อ 2 เท่านั้น จึงมองว่า ADVANC ยังมีโอกาสที่จะชนะข้อพิพาทและไม่จำเป็นต้องเสียค่าปรับในอนาคตได้

ขณะที่ทางนักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ มองว่า ยังเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุปประเด็นดังกล่าวและนำเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินมูลค่าหุ้นในปัจจุบันทันที อย่างไรก็ตามระยะเวลาของการตัดสินข้อพิพาทดังกล่าวยังต้องใช้เวลาอีกค่อนข้างนานและยังมีโอกาสพลิกได้

ดังนั้นมองว่าการที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงวานนี้ถือว่าตอบรับกับประเด็นดังกล่าวไปจำนวนหนึ่งแล้ว จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 250 บาท เพราะถึงอย่างไรก็มองว่าประเด็นการประมูลคลื่น 5G จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อราคาหุ้นในอนาคตมากกว่า

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) 1,202,712,000 หุ้น 40.45%
  2. SINGTEL STRATEGIC INVESTMENTS PTE LTD. 693,359,000 หุ้น 23.32%
  3. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 194,433,111 หุ้น 6.54%
  4. SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED 104,875,677 หุ้น 3.53%
  5. สำนักงานประกันสังคม 83,327,800 หุ้น 2.80%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายกานต์ ตระกูลฮุน ประธานกรรมการ, กรรมการอิสระ
  2. นายแอเลน ลิว ยง เคียง ประธานกรรมการบริหาร, กรรมการ
  3. นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, กรรมการ
  4. นายสมประสงค์ บุญยะชัย รองประธานกรรมการ
  5. น.ส.จีน โล เงี้ยบ จง กรรมการ

Back to top button