น้ำมันดิบปิดขยับขึ้นหลังสต็อกสหรัฐร่วงเกินคาด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) หลังจากที่รายงานจากรัฐบาลสหรัฐแสดงให้เห็นว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐร่วงลงเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 81 เซนต์ ปิดวานนี้ (29 ก.ค.) ที่ 48.79 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปรับตัวขึ้น 8 เซนต์ ปิดที่ 53.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงในสัปดาห์ที่แล้ว โดยสต็อกน้ำมันดิบลดลง 4.2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 459.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอยู่ในระดับทรงตัว สำหรับสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน ลดลง 212,000 บาร์เรล สู่ระดับ 57.7 ล้านบาร์เรล
ด้านสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 363,000 บาร์เรล สู่ระดับ 215.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 เดือนพ.ย.2014 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอยู่ในระดับทรงตัว ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 144.1 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล
สำหรับอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.4% สู่ระดับ 95.1% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัว ขณะที่การผลิตน้ำมันดิบลดลง 145,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.413 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI และเบรนท์ต่างพุ่งขึ้นกว่า 1 ดอลลาร์ หลัง EIA เผยรายงานดังกล่าว แต่ปรับลงในเวลาต่อมา เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนตามแผน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ซาอุดิอาระเบียกำลังพูดคุยเกี่ยวกับการลดการผลิตในช่วงสิ้นฤดูร้อนนี้
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาผลการประชุมระยะเวลา 2 วันของธนาคารกลางสหรัฐ และแถลงการณ์หลังการประชุม ซึ่งมีการเปิดเผยภายหลังตลาดน้ำมันปิดการซื้อขายในวันพุธ โดยนักลงทุนรอดูว่าเฟดจะส่งสัญญาณชัดเจนมากขึ้นหรือไม่เกี่ยวกับกำหนดเวลาในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย