PSTC เซ็น MOU ศึกษา “โครงการเชื่อมท่อน้ำมันไทย-สปป.ลาว” ชู IRR สูง 9%
PSTC เซ็น MOU ศึกษา “โครงการเชื่อมท่อน้ำมันไทย-สปป.ลาว” ชู IRR สูง 9%
นายพระนาย กังวาลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PSTC เปิดเผยว่า บริษัท ไทยไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (TPN) ในฐานะบริษัทร่วมค้าของ PSTC ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือในโครงการศึกษาจุดเชื่อมต่อท่อส่งน้ำมันไทย – สปป.ลาว ร่วมกับ บริษัท ไชน่า ปิโตรเลียม ไปป์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (CPP) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมปิโตรเลียม และการก่อสร้างของประเทศจีน โดยมูลค่าโครงการดังกล่าวประมาณ 6,500 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม PSTC คาดหวังว่าจะได้รับอัตราผลตอบแทนจากการร่วมลงทุนประมาณ 9%
“การเข้าร่วมศึกษาจุดเชื่อมต่อท่อส่งน้ำมันไทย-สปป. ลาวในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดี เพราะจะเป็นการช่วยสร้างรายได้ประจำที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว ทำให้บริษัทฯสามารถต่อยอดธุรกิจที่มีอยู่รวมถึงความร่วมมือในโครงการต่าง ๆ ได้อีก และผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืน” โดยบริษัทคาดว่าจะทราบผลการศึกษาถึงความคุ้มค่าในการลงทุนภายในระยะเวลา 12 เดือน ซึ่งประเมินจากปริมาณน้ำมันที่ใช้อยู่ใน สปป. ลาว ปัจจุบันและเติบโตขึ้นในอนาคตจากการขยายการเข้ามาลงทุนในประเทศลาวจากทางฝั่งจีน เชื่อว่าจะคุ้มค่าต่อการลงทุน
นายพระนาย กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 5 ก.พ.63 บริษัทได้รับเกียรติจาก นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในการประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์คลังน้ำมันแห่งใหม่ของ TPN ที่อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของจุดเชื่อมต่อในโครงการท่อส่งน้ำมันไทย – ลาว
โดยเส้นทางจะเริ่มต้นเชื่อมต่อจากการท่อส่งน้ำมันของ Thappline ที่จังหวัดสระบุรี ไปจนถึงคลังน้ำมันแห่งใหม่ที่ทาง TPN กำลังดำเนินการรวม 342 กิโลเมตร มีเป้าหมายการขายน้ำมันให้กับ 20 จังหวัดของทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้าง แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2564
จากโครงการดังกล่าว คลังน้ำมันแห่งใหม่ของ TPN ในจังหวัดขอนแก่น อยู่ห่างจากเวียงจันทน์ เมืองหลวงของสปป.ลาวเพียง 250 กิโลเมตร ปัจจุบันการขนส่งน้ำมันไปยังสปป.ลาว ยังอาศัยการขนส่งทางบก ดังนั้นเมื่อโครงการระบบขนส่งน้ำมันทางท่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือเสร็จสมบูรณ์ คลังน้ำมันที่จังหวัดขอนแก่นจะมีระยะทางใกล้ที่สุดในการขนส่งน้ำมันไปยังสปป.ลาว TPN จึงมองเห็นโอกาสในการขยายโครงการระบบขนส่งน้ำมันทางท่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
รวมทั้งจะช่วยส่งเสริมแผนเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐบาล ซึ่งจะส่งเสริมการพัฒนาความร่วมมือระยะยาวในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ขณะเดียวกัน ยังสอดคล้องกับโครงการเส้นทางสายไหม ของรัฐบาลจีน ที่มีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงทางด้านคมนาคม ด้านโลจิสติกส์ และความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านทาง CPP จึงยินดีที่จะสนับสนุนและร่วมมือกับทาง TPN เพื่อร่วมดำเนินการศึกษาโครงการท่อส่งน้ำมันไทย – สปป.ลาว ซึ่งในอนาคตจะเป็นโอกาสในการศึกษาการขยาย ระบบขนส่งน้ำมันจากสปป.ลาวไปยังจีนตอนใต้และภูมิภาคอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียง เพื่อส่งเสริมการเชื่อมต่อพลังงานและการพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในการเป็นศูนย์กลางพลังงานในอินโดจีนอีกด้วย