ILM พุ่ง 7% รับอานิสงส์มาตรการรัฐหนุนยอดขายเพิ่ม โบรกฯเคาะเป้า 21.30 บ.
ILM พุ่ง 7% รับอานิสงส์มาตรการรัฐหนุนยอดขายเพิ่ม โบรกฯเคาะเป้า 21.30 บ. ล่าสุดอยู่ที่ 13.90 บาท บวก 0.90 บาท หรือ 6.92% มูลค่าซื้อขาย 23.21 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ล่าสุด ณ เวลา 15.28 น. อยู่ที่ 13.90 บาท บวก 0.90 บาท หรือ 6.92% สูงสุดที่ 14.20 บาท ต่ำสุดที่ 13.10 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 23.21 ล้านบาท
โดย บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ภาพราคา ILM อยู่ในแนวโน้มขาลง โดยมีเส้น EMA 10 วันคอยกดดันราคามาต่อเนื่อง โดยราคาไม่สามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตาม เริ่มเห็นการฟื้นตัวบริเวณแนวรับที่ 11.70 บาท ขึ้นไปทดสอบเส้น Downtrend Line บริเวณ 13 บาท ประเมินว่าหากผ่านได้พร้อมวอลุ่มสูงแบบมีนัยสำคัญ บ่งชี้ว่าราคาปรับฐานเสร็จแล้ว มีโอกาสเป็นจุดเริ่มต้นของขาขึ้นอีกครั้ง โดยประเมินแนวต้านถัดไปไว้ที่ 15 บาท ขณะที่ หากพิจารณา MACD เกิดสัญญาณ Bullish Divergence สนับสนุนการฟื้นตัวของราคา
นอกจากนี้แนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเป้าหมาย 21.30 บาท โดย ILM ถือเป็นผู้นำร้านค้าปลีกโมเดิร์น เทรด จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ และสินค้าตกแต่งบ้าน ปัจจุบันมีสาขารวมกว่า 37 แห่ง โดยมีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในกลุ่มที่ 20% และยังเป็นผู้เริ่มนำนวัตกรรมสินค้า และบริการเฟอร์นิเจอร์สั่งตัด (Younique 4.0) เข้ามาเป็นเจ้าแรกในไทย
ทั้งนี้ในสถานการณ์บรรยากาศจับจ่ายที่ซบเซา ความหวังอยู่ที่การพึ่งพามาตรการภาครัฐ โดยที่ออกมาส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในเรื่องภาคธุรกิจอสังหาฯ ทั้ง 1) บ้านดีมีดาวน์ (อุดหนุนเงินดาวน์ 5 หมื่นบาท รวม 1 แสนยูนิต) และ 2) มาตรการใหม่ของธปท. เงินกู้ซื้อเฟอร์นิเจอร์ (10% ของมูลค่าบ้าน) คาดหนุนกำลังซื้อผู้บริโภคเรื่องอสังหาฯ และสินค้าเกี่ยวเนื่อง กลับมาฟื้นตัวได้ ด้วยจุดเด่น ILM เป็นผู้นำตลาด จึงมีแนวโน้มได้ประโยชน์ โดยกรณีบ้านดีมีดาวน์ หากพิจารณา ส่วนแบ่งตลาด ILM ที่ 20% คิดเป็นผู้ใช้สิทธิ์ 2 หมื่นราย ขณะที่ยอดขายต่อบิลโดยเฉลี่ย 1 หมื่นบาท ประเมินได้เม็ดเงินราว 200 ล้านบาท (2% ของยอดขายรวม)
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเฉพาะตัว บริการ Younique จับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน ที่เตรียมเปิดเพิ่มอีก 8 สาขา (จากเดิม 12 แห่ง) ในปี 2563 ช่วยเพิ่มยอดขายต่อบิล รวมถึงอัตรากำไรจากการขาย ผ่านการขายพ่วงบริการออกแบบไปพร้อมกัน รวมถึงแผนขยายร้านเฟอร์นิเจอร์ WINNER คุณภาพดี+ราคาถูก รุกตลาดต่างจังหวัด ที่ยังมีส่วนแบ่งตลาดน้อย โดยมีแผนเปิด 2 แห่ง (จากเดิม 1 แห่ง) ในปี 2563
อย่างไรก็ตามแม้ว่ากำไรระยะสั้น ปี 2562 มีแนวโน้มต่ำกว่าคาด โดยงวดไตรมาส 4/62 คาดหดตัวราว 32% เมื่อเทียบจากปีก่อน (ไตรมาส 4/61 กลับรายการปิดสาขามาเลเซียที่บันทึกสูงไป) แต่เชื่อว่ากำไรปกติจะอยู่ในเกณฑ์ดี คือ ทรงตัวได้เมื่อเทียบจากปีก่อน โดย SSSG ที่ชะลอตัวชดเชยจากการพัฒนาประสิทธิภาพกำไรและสาขาใหม่
ขณะที่ฐาน SSSG ที่ค่อนข้างต่ำในปี 2562 จะส่งผลให้ SSSG ปี 2563 มีโอกาสสูงกว่าสมมติฐานซึ่งกำหนดที่ 1.5% ด้วยแรงหนุนจากจากมาตรการกระตุ้นอสังหริมทรัพย์ดังกล่าวข้างต้น รวมถึงแผนการดำเนินธุรกิจสินค้า Younique และสาขาในต่างจังหวัด คาดทั้งหมดจะชดเชยอัตราภาษีปี 2563 ที่จะกลับมาเพิ่มขึ้น หลังใช้สิทธิหักภาษีของ BOI (50% ของเงินลงทุนโซล่าร์ เซลล์) หมดแล้ว ทั้งนี้ หากนับกำไรก่อนภาษีจะยังเติบโต 15.8% เมื่อเทียบจากปีก่อน ในปี 2563 ภาพรวมจึงยังคงคาดกำไรปี 2562-63 เติบโต 17.6% และ 5%