EPG กำไรไตรมาส 3/62 ขยับลง 5% มาที่ 214 ลบ.

EPG กำไรไตรมาส 3/62 ขยับลง 5% มาที่ 214 ลบ.ส่วนงวด 9 เดือนกำไร 757 ลบ. ลดลง 4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน


บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 สิ้นสุด 31 ธ.ค.62 มีกำไรสุทธิ ดังนี้

ด้าน รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2562/63 (ต.ค.62- ธ.ค.62) มีรายได้จากการขาย 2,427.7 ล้านบาท ลดลง 11.4% มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 29% จากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ได้รับผลบวกจากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ EPG มีกำไรสุทธิ 213.4 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 225.2 ล้านบาท หรือปรับตัวลดลง 11.9 ล้านบาท คิดเป็น 5.3%

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการดำเนินงานของ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex มีรายได้จากการขาย 747.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้จากการขายของบริษัทเติบโตได้ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้ากลุ่มพรีเมี่ยมถึงแม้ว่าจะถูกกดดันจากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา รวมถึงช่วงปลายปีมีช่วงวันหยุดติดต่อกันหลายวัน

ขณะที่ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas มีรายได้จากการขาย 1,039.4 ล้านบาท หรือลดลง 26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมแสดงให้เห็นว่าช่วงเดือนต.ค.62 – ธ.ค.62  ยอดจำหน่ายรถกระบะ 1 ตันภายในประเทศ ปรับตัวลดลง 19% และยอดส่งออกยานยนต์ลดลง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจเลือกซื้อรถใหม่ อาจด้วยความไม่มั่นใจในสภาวะเศรษฐกิจ

รวมถึงรอการเปลี่ยนโมเดลรถรุ่นใหม่ หรือรถยนต์ไฟฟ้าที่จะเข้ามาทดแทนในอนาคต จึงส่งผลให้ไตรมาสที่ 3 ปี 2562/63 Aeroklas มียอดสั่งซื้อจากกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ลดลง อีกทั้งได้รับผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจในประเทศออสเตรเลียเติบโตช้ากว่าคาดจากการชะลอตัวของสภาวะเศรษฐกิจในประเทศออสเตรเลีย อย่างไรก็ตามบริษัทได้เริ่มดำเนินการด้านบริหารจัดการลดต้นทุน และค่าใช้จ่าย และสร้างเสริม Synergy ระหว่างธุรกิจ ซึ่งจะเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นต่อเนื่อง

สำหรับธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP มีรายได้จากการขาย 640.7 ล้านบาท หรือ ลดลง 0.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม EPP มุ่งเน้นการทำตลาดในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารประเภทกล่องใส่อาหาร ถ้วยน้ำดื่มในหลายตลาด และสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น

Back to top button