เปิด 7 หุ้น “ซุปเปอร์เจ๋ง”เทรด 2 ปีกำไรพุ่งปรี๊ด!

เปิดชื่อ 7 หุ้นตลาดเอ็มเอไอ Super Growth ที่เข้าเทรดในตลาดแค่ 2 ปี กลับสามารถทำกำไรโตก้าวกระโดด กลายเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนในช่วงตลาดหุ้นผันผวนขาลง เชื่อผลประการประจำปี 58 ทำกำไรติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ให้นักลงทุนได้ชื่นใจได้อย่างแน่นอน


เปิดชื่อ 7 หุ้นตลาดเอ็มเอไอ Super Growth ที่เข้าเทรดในตลาดแค่ 2 ปี กลับสามารถทำกำไรโตก้าวกระโดด กลายเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนในช่วงตลาดหุ้นผันผวนขาลง เชื่อผลประการประจำปี 58 ทำกำไรติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ให้นักลงทุนได้ชื่นใจได้อย่างแน่นอน

 

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจหุ้นจากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยใช้เกณฑ์คัดเลือกจากหุ้นที่เข้าเทรดไม่เกิน 2 ปี ตั้งแต่ปี 56-57 และมีกำไรเพิ่มต่อเนื่องติดต่อกัน โดยอ้างอิงข้อมูลจากงบการเงินที่เปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่ามีหุ้นเข้าข่ายเกณฑ์ที่ใช้อยู่ด้วยกันทั้งหมด 7 บริษัท

 

 

สำหรับหุ้นตัวแรก บริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด (มหาชน) หรือ BKD ในปี 58 คาดว่าจะสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 13 % เมื่อดูจากสถิติย้อนหลังของปี 57 บริษัทมีกำไร 94.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 56 ที่ 14.79 ล้านบาท หรือ 538% โดยข้อมูลดังกล่าวตอกย้ำว่า ในปี 58 ผลการดำเนินงานก็น่าจะดีขึ้นไปอีก เพราะบริษัทมีงานอยู่ในมือเป็นจำนวนมาก

ขณะที่ราคาหุ้น BKD วานนี้ (29 ก.ค.) อยู่ที่ 3.42 บาท บวกไป 0.02 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.89 ล้านบาท

 

หุ้นตัวที่ 2 บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA โดยปีนี้กลุ่มผู้บริหารมั่นใจว่า ผลการดำเนินงานจะดีอย่างต่อเนื่องอีกปีหนึ่ง และเมื่อดูจากสถิติย้อนหลังของปี 57 บริษัทสามารถทำกำไรได้ถึง 1,608.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 56 ที่ 267.92 ล้านบาท หรือ 500% แน่นอนว่าธุรกิจไฟฟ้ายังสามารถที่จะต่อยอดต่อไปได้เรื่อยๆ จึงเชื่อได้เลยว่า นี่คือหุ้นทางเลือกอันดับหนึ่งของตลาด mai

ขณะที่ราคาหุ้น EA วานนี้ (29 ก.ค.) อยู่ที่ 21.40 บาท ลบไป 0.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 86.16 ล้านบาท

 

หุ้นตัวที่ 3 บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) หรือ AUCT โดยสิ่งที่น่าสนใจสำหรับหุ้นตัวนี้คือ กลุ่มผู้บริหารได้ออกมายอมรับว่า ปีนี้เศรษฐกิจไม่เอื้อต่อการทำธุรกิจ ซึ่งจะทำให้กำไรในไตรมาส 2 ปี 58 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับเป็นช่วง Low season  จึงเป็นเรื่องที่น่าขบคิดมากๆ และประเด็นดังกล่าวก็นำไปสู่การปรับลดประมาณการกำไรปี  58 เติบโตแค่ 29% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และจะเริ่มหดตัว 9.7% ในปี 59 หลังผ่านช่วง peak ของการประมูลไปแล้ว

ขณะที่ราคาหุ้น AUCT วานนี้ (29 ก.ค.) อยู่ที่ 13.30 บาท บวกไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 11.49 ล้านบาท

 

หุ้นตัวที่ 4 บริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน จำกัด (มหาชน) หรือ CHO เป็นหุ้นอีกตัวที่น่าสนใจ ล่าสุดได้รับงานรถลำเลียงพลหุ้มเกราะของประเทศมาเลเซียจำนวน 71 คัน มูลค่าราว 71 ล้านบาท ส่วนงานจัดซื้อจัดจ้างรถโดยสาร NGV ของ (ขสมก.) เฟสแรกจำนวน 489 คัน มูลค่าราว 1.74 พันล้านบาท หากมีการเซ็นต์สัญญาอย่างเป็นทางการก็จะบันทึกรายได้ทั้งหมดภายในปีนี้ และจะส่งผลให้รายได้ปีนี้ขึ้นไปแตะระดับ 3 พันล้านบาท

ขณะที่ราคาหุ้น CHO วานนี้ (29 ก.ค.) อยู่ที่ 3.60 บาท ลบไป 0.02 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 22.32  ล้านบาท

 

หุ้นตัวที่ 5 บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF โดยปี 58 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตอย่างน้อย 12% จากปีก่อน และเมื่อดูสถิติย้อนของปี 57 บริษัทสามารถทำกำไร 69.88 ลบ เพิ่มขึ้นจากปี 56 ที่ทำได้ในระดับ 40.79 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 71% ย่อมเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่ควรมองข้าม ประกอบกับการที่ตัวบริษัทได้ขยายธุรกิจไปยังพลังงานทดแทน และจะเริ่มรับรู้รายได้จากโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่นตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 58 ย่อมเป็นอีกหนึ่งทีเด็ดที่ไม่ควรมองข้าม

ขณะที่ราคาหุ้น ECF วานนี้ (29 ก.ค.) ทรงตัวอยู่ที่ 4.04 บาท บวกไป 0.04 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.69  ล้านบาท

 

หุ้นตัวที่ 6 บริษัท จี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP ล่าสุดบริษัทได้มีการจับมือกับ บริษัท ยูเรกา ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ UREKA เพื่อขยายการปล่อยสินเชื่อให้กับเกษตร และยกระดับคุณภาพของการผลิตให้มีประสิทธิมากขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน แต่ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว และเหตุภัยแล้งที่รุนแรงมากพอสมควร ผลการดำเนินงานในปี 58 จึงอาจยังไม่เข้าตา

ขณะที่ราคาหุ้น GCAP วานนี้ (29 ก.ค.) อยู่ที่ 3 บาท บวกไป 0.02 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.94 ล้านบาท

 

หุ้นตัวที่ 7 บริษัท โอเชี่ยน คอมเมิรช จำกัด (มหาชน) หรือ OCEAN บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้เติบโต 20% จากปีก่อน ซึ่งจะมาจากกลุ่มร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทริด) และห้างสรรพสินค้า รวมทั้งจากการขยายสาขาในต่างจังหวัด  และการเติบโตของการค้าชายแดนที่ได้รับการกระตุ้นจากการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และยอดขายต่างประเทศ ซึ่งตัวแปรทั้งหมดที่กล่าวถึงจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้หุ้นทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งในอนาคต

ขณะที่ราคาหุ้น OCEAN วานนี้ (29  ก.ค.) อยู่ที่ 1.14  บาท ลบไป 0.01 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.21  ล้านบาท

Back to top button