เสียใจไม่รับผิดชอบ
นายกรัฐมนตรีถูกกระหน่ำ #ผนงรจตกม #RIPPrayuth หลังจากชูมินิฮาร์ท แสดงกิริยาท่าทีไม่สำรวม ไม่ควบคุมอารมณ์ ระหว่างไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ทหารคลั่งกราดยิงที่โคราช ซ้ำยังพูดทิ้งท้ายเป็นเชิงหาเสียง อวดว่าดูแลประชาชนทั่วถึง ซึ่งผิดกาลเทศะ
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
นายกรัฐมนตรีถูกกระหน่ำ #ผนงรจตกม #RIPPrayuth หลังจากชูมินิฮาร์ท แสดงกิริยาท่าทีไม่สำรวม ไม่ควบคุมอารมณ์ ระหว่างไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ทหารคลั่งกราดยิงที่โคราช ซ้ำยังพูดทิ้งท้ายเป็นเชิงหาเสียง อวดว่าดูแลประชาชนทั่วถึง ซึ่งผิดกาลเทศะ
เพราะขณะที่ประชาชนทั้งประเทศกำลังเศร้าเสียใจที่มีผู้เสียชีวิตบาดเจ็บจำนวนมาก ดูเหมือนท่านมัวแต่ภาคภูมิใจว่า เจ้าหน้าที่จัดการคนร้ายได้ และไม่ยอมรับว่าเป็นความบกพร่องหละหลวมของกองทัพ ที่จัดระเบียบมาร้อยกว่าปี
2 วันถัดมา ผู้บัญชาการทหารบกหลั่งน้ำตาแถลงข่าว ขอโทษและแสดงความเสียใจ รับว่ามูลเหตุเกิดจากจ่าทหารไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชา แต่อธิบายไปอธิบายมา ประชาชนฟังแล้วยิ่งไม่พอใจ
เข้าใจตรงกันนะ สิ่งที่ประชาชนอยากฟัง คือกองทัพจะรับผิดชอบอย่างไรต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องของทหารคลั่งคนเดียว แต่ทหารคนนั้นหลังก่อเหตุยิงผู้บังคับบัญชา ก็เข้าไปในค่าย ชิงปืนยามรักษาการณ์ ปล้นคลังอาวุธคลังกระสุน เอารถจี๊ปและอาวุธสงครามออกมายิงกราด ทำให้ทั้งทหารตำรวจประชาชนตายไป 30 คน บาดเจ็บ 58 คน
มันเป็นเหตุการณ์ที่ประชาชนไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ ประชาชนแทบไม่เชื่อว่า กองทัพไทยซึ่งมีแสนยานุภาพ ซื้อทั้งเรือดำน้ำเครื่องบินรถถัง จะหละหลวมในการป้องกันค่ายทหารถึงเพียงนี้ จ่าทหารคนเดียว ที่กลายเป็นอาชญากร สามารถก่อความเสียหายต่อชีวิตทรัพย์สินเป็นโศกนาฏกรรมครั้งสำคัญ โดยทหารทั้งค่าย ทั้งกองทัพภาคที่ 2 ที่ตั้งเรียงรายอยู่ทั้งแถบ ไม่สามารถสกัดกั้นได้
โดยสำนึกทั่วไป เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ ประชาชนคาดหวังอะไร หนึ่ง คาดหวังว่ากองทัพจะดูแลจ่ายค่าเสียหายญาติผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ โดยอาจเปิดกฎระเบียบหาช่องทาง เอาเงินส่วนใดส่วนหนึ่งมาช่วย หรืออาจตั้งกองทุนของกองทัพ โดย ผบ.ทบ. นายทหารชั้นผู้ใหญ่ประเดิม
แต่นี่ไม่มีเลย นอกจากบอกว่าถ้าประสงค์ กองทัพพร้อมรับครอบครัวเข้ารับราชการ รวมทั้งผู้พิการ
รัฐบาลบอกว่าจะเอาเงินกองทุนผู้ประสบสาธารณภัยออกมาจ่าย จังหวัดก็จะเปิดรับบริจาค แต่เข้าใจไหม มันไม่ใช่แค่เรื่องเงิน ถ้ากองทัพรับดูแล มันคือการแสดงความรับผิดชอบ พร้อมกับบรรเทาความรู้สึกประชาชน
แต่ท่านกลับพูดว่า นับแต่ลั่นไก ทหารคนนั้นก็กลายเป็นอาชญากร ไม่ใช่ทหารอีกต่อไป ซึ่งก็ถูก แต่โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง ในทางกฎหมาย แปลว่านับแต่ลั่นไก กองทัพก็ไม่รับผิดชอบ แถมเป็นผู้เสียหายด้วยซ้ำ เพราะถูกอาชญากรเข้ามาปล้นปืนยิงทหารเจ็บตาย
ความคาดหวังที่สอง คือประชาชนหวังว่ากองทัพจะยอมรับ เป็นความบกพร่องหละหลวม นับแต่นี้จะแก้ไข ยกเครื่องครั้งใหญ่ ซึ่งจะบอกว่าที่ผ่านมาไม่เคยคาดคิด ก็พอฟังได้ แต่นี่ประชาชนไม่ได้ยินจากปากท่านเลย
สิ่งที่ท่านอธิบาย คือเหมือนเหตุสุดวิสัย ทหารทำดีที่สุดแล้ว พอรู้ว่าเกิดเหตุ หน่วยเผชิญเหตุก็เอาปืนพกไล่ยิง แต่ทำอะไรไม่ได้ จนพ้นไปจากเขตค่าย จึงแจ้งตำรวจ (ซึ่งก็พยายามขัดขวางสุดชีวิตแต่ต้านไม่ได้ทั้งตายทั้งเจ็บ)
จากนั้นก็บอกว่าอย่าตำหนิ อย่าด่ากัน กองทัพเป็นองค์กรศักดิ์สิทธิ์ ทหารที่เสี่ยงชีวิตปกป้องอธิปไตยยังมีอยู่มาก แล้วหลั่งน้ำตา ถ้าจะด่าให้ด่าท่านคนเดียว แต่ไม่ลาออก จะใช้เวลาที่เหลืออยู่มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่
กลายเป็นหลั่งน้ำตาเพราะกองทัพถูกด่า นี่คือเรื่องใหญ่ กลายเป็นทำทุกอย่างเพื่อปัดป้อง ไม่ให้กองทัพต้องรับผิดชอบ ทั้งการดูแลผู้เสียหายและการยกเครื่องปฏิรูป ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมกองทัพไม่เข้าใจความรู้สึกประชาชน แค่แสดงความรับผิดชอบเบื้องต้นอย่างนี้ ก็ทำไม่ได้ ทั้งที่จะเป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของกองทัพเอง