สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 11 ก.พ. 2563
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 11 ก.พ. 2563
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทรงตัวเมื่อคืนนี้ (11 ก.พ.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq เดินหน้าทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังจากมีรายงานว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่ในจีนเริ่มชะลอตัวลง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาชื่อดังของจีนได้แสดงความเชื่อมั่นว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาจะเบาบางลงในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงมุมมองด้านบวกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,276.34 จุด ลดลง 0.48 จุด หรือ -0.00% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,357.75 จุด เพิ่มขึ้น 5.66 จุด หรือ +0.17% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,638.94 จุด เพิ่มขึ้น 10.55 จุด หรือ +0.11%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ก.พ.) โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยหวังว่าการระบาดอาจจะชะลอตัวลงในไม่ช้านี้ และผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอาจจะไม่รุนแรงอย่างที่วิตกกัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวการควบรวมกิจการระหว่างบริษัทที-โมบายของเยอรมนีกับบริษัทสปรินท์ของสหรัฐด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.90% ปิดที่ 428.48 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,054.76 จุด เพิ่มขึ้น 39.09 จุด หรือ +0.65%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,627.84 จุด เพิ่มขึ้น 133.81 จุด หรือ +0.99% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,499.44 จุด เพิ่มขึ้น 52.56 จุด หรือ +0.71%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หลังจากมีรายงานว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่ในจีนเริ่มชะลอตัวลง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาชื่อดังของจีนได้แสดงความเชื่อมั่นว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาจะเบาบางลงในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,499.44 จุด เพิ่มขึ้น 52.56 จุด หรือ +0.71%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ก.พ.) หลังจากมีรายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่ในจีนเริ่มชะลอตัวลง ซึ่งช่วยให้ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสดังกล่าว ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 37 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 49.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 54.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการเมื่อคืนนี้ (11 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนลดคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากมีรายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่ในจีนเริ่มชะลอตัวลง ซึ่งรายงานดังกล่าวถือเป็นสัญญาณบวกที่ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสดังกล่าว
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 9.40 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 1,570.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 18.8 เซนต์ หรือ 1.06% ปิดที่ 17.597 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 6.60 ดอลลาร์ หรือ 0.68% ปิดที่ 973.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 15.90 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 2,265.70 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง เช่นสกุลเงินยูโร หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เริ่มส่งสัญญาณในด้านบวก
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0920 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0914 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2961 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2915 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6713 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6679 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.75 เยน จากระดับ 109.69 เยน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9754 ฟรังก์ จากระดับ 0.9769 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3290 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3318 ดอลลาร์แคนาดา