สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 12 ก.พ. 2563
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 12 ก.พ. 2563
ดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) ขานรับความหวังที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) จะบรรเทาลงในไม่ช้านี้ หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจีนอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณความพร้อมที่จะดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,551.42 จุด พุ่งขึ้น 275.08 จุด หรือ +0.94% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,379.45 จุด เพิ่มขึ้น 21.70 จุด หรือ +0.65% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,725.96 จุด เพิ่มขึ้น 87.02 จุด หรือ +0.90%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือไวรัสโควิด-19 หลังจากพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงในจีน นอกจากนี้ การทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหรา ซึ่งนำโดยหุ้นเคอริ่งซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์กุชชี่ ได้ช่วยหนุนตลาดขึ้นด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.63% ปิดที่ 431.16 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,104.73 จุด เพิ่มขึ้น 49.98 จุด หรือ +0.83%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,749.78 จุด เพิ่มขึ้น 121.94 จุด หรือ +0.89% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,534.37 จุด เพิ่มขึ้น 34.93 จุด หรือ +0.47%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือไวรัสโควิด-19 หลังจากมีรายงานว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่ในจีนลดลง นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มน้ำมันซึ่งทะยานขึ้นตามราคาน้ำมันดิบด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,534.37 จุด เพิ่มขึ้น 34.93 จุด หรือ +0.47%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) หลังจากมีรายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) รายใหม่ในจีนอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสดังกล่าวที่จะมีต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลก นอกจากนี้ สัญญาณบวกดังกล่าวยังช่วยสกัดปัจจัยลบจากรายงานที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.23 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 51.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 1.78 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 55.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณความพร้อมที่จะดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินหากเศรษฐกิจเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในวันข้างหน้า อย่างไรก็ดี สัญญาทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนชะลอคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เริ่มบรรเทาลง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.50 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ระดับ 1,571.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 10 เซนต์ หรือ 0.57% ปิดที่ 17.497 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 6.20 ดอลลาร์ หรือ 0.64% ปิดที่ 967.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 56.80 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 2,322.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) หลังจากมีรายงานว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจีนอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.08 เยน จากระดับ 109.75 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9783 ฟรังก์ จากระดับ 0.9754 ฟรังก์ แต่หากเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3259 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3290 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0868 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0920 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2958 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2961 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6735 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6713 ดอลลาร์สหรัฐ