“บล.กสิกรไทย” แนะซื้อ PTTGC สบจังหวะอ่อนตัวหลังกำไรลด-ลุ้น Q2/63 ฟื้นตัวเป้า 63.50 บ.
“บล.กสิกรไทย” แนะซื้อ PTTGC สบจังหวะอ่อนตัวหลังกำไรลด-ลุ้น Q2/63 ฟื้นตัวเป้า 63.50 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ณ เวลา 12.00 น. อยู่ที่ระดับ 49.75 บาท ลบ 2.75 บาท หรือ 5.24% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.13 พันล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทประกาศจ่ายปันผลจากกำไรสะสมเป็นเงินสด 1.00 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล หรือ XD วันที่ 28 ก.พ. 2563 และกำหนดจ่ายวันที่ 28 เม.ย. 2563
บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า PTTGC คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายที่ 63.50 บาท กำไรที่ฟื้นตัวขึ้นนับจากไตรมาส 2/63 จะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้น ขณะที่มีมูลค่าที่เพียง PBV 0.78 เท่า โดยมูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้นอยู่ที่ 63.64 บาท โดยกำไรไตรมาส 4/2562 ออกมาต่ำกว่าคาด (เพียง 126 ลบ.) สืบเนื่องจากฐานที่ต่ำ คาดกำไรแตะจุดต่ำสุดในไตรมาส 1/63
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 57 บาท/หุ้น PTTGC รายงานผลประกอบการไตรมาส 4/2 ที่ 374 ล้านบาท ลดลง 86% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ 91% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ผลประกอบการตามคาด (เนื่องจากมีผลกำไรจากการป้องกันความเสี่ยง 892 ล้านบาท และบันทึกกลับผลขาดทุนจากสต็อค GGC) ด้านการดำเนินงานมีผลขาดทุน 1.4 พันล้านบาท -160% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ -116% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านผลประกอบการทั้งปีอยู่ที่ 1.17 หมื่นล้านบาท ลดลง 71% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยการดำเนินงานของ Olefins และโรงกลั่นเป็นปัจจัยกดดัน
Olefins – ตลาดอ่อนแอและมีปัญหา : นอกจากราคาและอัตรากำไรที่ลดลงแล้ว (ผลของสงครามการค้าและเศรษฐกิจโลก) กลุ่มนี้ถูกกระทบจากการปิดปรับปรุงระบบไฟฟ้าที่ขัดข้อง ด้านราคาของ HDPE ลดลง 12% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ 55% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ Adjusted EBITDA ของ Olefins ลดลง 43% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ 54% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
โรงกลั่น – ถูกกระทบหนัก : EBITDA ของโรงกลั่นปรับตัวลดลง 50% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ 73% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากอัตราการดำเนินงานที่ลดลงแตะ 51% ในช่วง 4Q19 หลัง PTTGC มีการปิดปรับปรุง 54 วันในเดือน ต.ค. – พ.ย.
กลุ่มอโรมาติกส์ – รายงาน EBITDA ขาดทุน : เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร PTTGC เดินเครื่องโรงงานเพียง 87% แต่ Adjusted EBITDA ยังคงขาดทุน 106 ล้านบาท ลดลงจากกำไร 650 ล้านบาทใน 3Q19 PX-condensate มีอัตรากำไรลดลง 12% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ 55% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กำไรสุทธิ ไตรมาส4/62 ลดลงแรง -91%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ -86%เทียบไตรมาสก่อนหน้า เป็น 374 ล้านบาท เพราะถูกกระทบจากการปิดซ่อมบำรุงใหญ่, ค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล รวมทั้งสเปรดปิโตรเคมีลดลง ด้านค่าการกลั่น GRM (ไม่รวมกำไร/ขาดทุนสต็อก) -16%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ +5%เทียบไตรมาสก่อนหน้า เป็น 4.66 US$/bbl แต่มาร์จิ้นอะโรเมติกส์ร่วงแรง -62%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, -33%เทียบไตรมาสก่อนหน้า เป็น 91 US$/ตัน ซึ่งกำไรสต็อก & กำไร FX และกำไรพิเศษจากบ.ร่วมช่วยให้บรรทัดสุดท้ายเป็นกำไร แต่ถ้าไม่รวมรายการเหล่านี้จะเป็น Core loss 231 ล้านบาท
ค่าการกลั่นยังร่วงต่อในไตรมาส 1/63 โดยใน QTD ลดลงเป็นเลขสองหลัก โดยหลักมาจากอุปสงค์ที่ต่ำลง ผลกระทบจาก COVID-19
แนวโน้มธุรกิจปิโตรเคมีท้าทายต่อในปี 63 ทั้งนี้ใน QTD ของ ไตรมาส1/63 สเปรด HDPE, LLDPE, MEG และ PP อยู่ระหว่าง -1% ถึง +3%QTD และคาดว่าทั้งปีนี้จะยังไม่กระเตื้องนัก เพราะในปี 63 จากมีกำลังการผลิต PE และ PP จากจีนและสหรัฐเข้ามาเพิ่มอีก 9 ล้านตัน แนะนำถือ ให้ราคาพื้นฐาน 55 บาท เทียบเท่ากับ P/BV ปีนี้ที่ 0.82 เท่า (-2SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี)
เชื่อว่ามีโอกาสน้อยที่ผลประกอบการจะฟื้นตัวใน 1Q20F และจะมีการปิดปรับปรุงโรงงาน Olefins 35 – 39 วัน กระทบโรงงานที่เกี่ยวข้อง ด้วยราคาของ HDPE ที่อ่อนแอมีราคาเฉลี่ยที่ 847 ดอลลาร์/ตัน เทียบกับในไตรมาส 4/62 ที่ 841 ดอลลาร์/ตัน มีเพียงกลุ่มโรงกลั่นที่มีค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น และราคาน้ำมันดิบพรีเมี่ยมที่ลดลง แนะนำให้ “ถือ” โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 57.00 บาท (PBV 0.9 เท่า) มีความเสี่ยงคือ ราคา และส่วนต่างที่อ่อนแอ, การปิดปรับปรุง
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คงคำแนะนำ “ขาย” และราคาเป้าหมาย ที่ 43.00 บาท อิง EV/EBITDA ที่ 6.5x (7-yr average EV/EBITDA) PTTGC รายงานกำไรสุทธิใน 4Q19 ที่ 373 ล้านบาท -91% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, -86% เทียบไตรมาสก่อนหน้า ใกล้เคียงตลาดคาด โดยมีกำไรจาก stock gain 235 ล้านบาท และ กำไรพิเศษอื่นๆ (Fx, Hedging) รวม 1,332 ล้านบาท ถ้าไม่นับรวมกำไรพิเศษ ผลการดำเนินงานปกติยังขาดทุนราว 1,200 ล้านบาท จาก 1) ปิดซ่อมโรงกลั่นตามแผน 52 วัน และ
2) EBITDA Margin กลุ่มปิโตรเคมีลดลง โดยเฉพาะ aromatic ยังคงประมาณการกำไรปี 2020E ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท แต่อาจจะยังมีความเสี่ยงจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ประเทศจีนจะส่งผลกระทบต่อความต้องการปิโตรเคมี แนวโน้มไตรมาส1/63 อาจจะยังไม่เห็นการฟื้นตัวเพราะมีการปิดซ่อมโรงปิโตรเคมี 40 วัน และส่วนต่างราคาปิโตรเคมียังอยู่ระดับต่ำ
ใน 1 เดือนราคาหุ้นปรับลดลง -7% จากสถานการณ์ COVID-19 ที่ประเทศจีน ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาปิโตรเคมีให้อยู่ในระดับต่ำและส่งผลให้กำไรในไตรมาส1/63 ยังอยู่ในระดับต่ำและทำให้ราคาหุ้น ใน 1H20E จะยัง underperform SET ปัจจุบันราคาหุ้น trade ที่ +1.5SD above 7-yr average EV/EBITDA ถือว่าค่อนข้างแพงเทียบกับ outlook ที่ยังไม่ฟื้น
บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า PTTGC แนะนำ “ขาย” เป้าพื้นฐาน 47 บาท รายงานกำไร ไตรมาส4/62 = 374 ล้านบาท (-91% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, -86% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) ต่ำกว่า Consensus คาด -64% แต่ดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยฯคาด +50% (ส่วนต่างจากที่ฝ่ายวิจัยฯคาดเพียงเล็กน้อย เมื่อพิจารณาเป็นจำนวนเงิน)
โดยกำไรที่ลดลงเป็นผลจาก Spread ปิโตรเคมีที่เป็นขาลงต่อเนื่อง และฝ่ายวิจัยฯปรับลดประมาณการฯปี 2563 ลง -15% จากการปรับลดสมมติฐาน Spread ปิโตรเคมีลงอีก และปรับคำแนะนำลงเป็น “ขาย” จากเดิม “ถือ”