สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 18 ก.พ. 2563
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 18 ก.พ. 2563
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) หลังจากบริษัทแอปเปิล อิงค์ เปิดเผยว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ในจีน อาจทำให้รายได้ของบริษัทไม่เป็นไปตามเป้า โดยการคาดการณ์ดังกล่าวของแอปเปิลทำให้นักลงทุนกังวลว่า ผลกระทบของไวรัสโควิด-19 อาจฉุดผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายอื่นๆ และเศรษฐกิจทั่วโลก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,232.19 จุด ลดลง 165.89 จุด หรือ -0.56% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,370.29 จุด ลดลง 9.87 จุด หรือ -0.29% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,732.74 จุด เพิ่มขึ้น 1.57 จุด หรือ +0.02%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) โดยถูกกดดันจากการที่บริษัทแอปเปิล อิงค์เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 ในจีน อาจทำให้บริษัทพลาดเป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อบรรดาซัพพลายเออร์ของ iPhone และตอกย้ำถึงผลกระทบของไวรัสโควิดต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก นอกจากนี้ ตลาดยังถูกถ่วงลง หลังการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีที่ดิ่งลงสู่ระดับต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.38% ปิดที่ 430.33 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,056.82 จุด ลดลง 29.12 จุด หรือ -0.48%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,681.19 จุด ลดลง 102.70 จุด หรือ -0.75% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,382.01 จุด ลดลง 51.24 จุด หรือ -0.69%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) โดยดัชนี FTSE 100 ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมา หลังจากที่บริษัทแอปเปิล อิงค์ของสหรัฐประกาศเตือนว่า ยอดขายของแอปเปิลจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในไตรมาส 2/2563 อันเนื่องมาจากผลกระทบจากการระบาดของเชื่อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 ในจีน
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,382.01 จุด ลดลง 51.24 จุด หรือ -0.69%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดทรงตัวเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) ขณะที่นักลงทุนจับตาผลกระทบของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 โดยล่าสุดสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ออกรายงานเตือนว่า อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกมีแนวโน้มหดตัวลงในไตรมาสแรก เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดทรงตัวที่ระดับ 52.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือประมาณ 0.75% ปิดที่ 57.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริษัทแอปเปิล อิงค์ได้ออกมายอมรับว่า วิกฤตไวรัสโควิด-19 อาจทำให้รายได้ของบริษัทไม่เป็นไปตามเป้า
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 17.2 ดอลลาร์ หรือ 1.08% ปิดที่ 1,603.6 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2556
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 41.6 เซนต์ หรือ 2.35% ปิดที่ 18.15 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 25.1 ดอลลาร์ หรือ 2.59% ปิดที่ 993.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ทะยานขึ้น 180.90 ดอลลาร์ หรือ 7.8% ปิดที่ 2,497.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) หลังจากมีรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีร่วงลงในเดือนก.พ. เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0792 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0833 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2999 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3000 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.6685 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6715 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.87 เยน จากระดับ 109.93 เยน อย่างไรก็ดี ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9828 ฟรังก์ จากระดับ 0.9809 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3252 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3234 ดอลลาร์แคนาดา