หุ้นยุโรปปิดบวกรับผลประกอบการเอกชนสดใส

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ รวมถึงแอร์บัส อาร์เซลอร์มิตตัล และบีเอ็นพี พาริบาส์ อย่างไรก็ตาม การร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ ได้สกัดแรงบวกในตลาด และส่งผลให้ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้นเกือบ 0.1% ปิดวานนี้ (31 ก.ค.) ที่ 396.37 จุด, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,082.61 จุด เพิ่มขึ้น 36.19 จุด หรือ +0.72%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,308.99 จุด เพิ่มขึ้น 51.84 จุด หรือ +0.46% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,696.28 จุด เพิ่มขึ้น 27.41 จุด หรือ +0.41%

หุ้นแอร์บัสพุ่งขึ้น 3.5% หลังจากเปิดเผยผลกำไรประจำไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 5% แตะ 732 ล้านยูโร (801 ล้านดอลลาร์) เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปีที่แล้วที่ 696 ล้านยูโร ส่วนยอดขายในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 16% แตะ 1.68 หมื่นล้านยูโร เพราะได้แรงหนุนจากยอดส่งมอบเครื่องบินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสายการบินต่างๆ มีความต้องการซื้อเครื่องบินใหม่ เพื่อแทนเครื่องบินลำเดิมที่เก่าและกินน้ำมัน

หุ้นอาร์เซลอร์มิตตัล ดีดตัวขึ้น 1.5% หลังจากอาร์เซลอร์มิตตัล ซึ่งเป็นบริษัทเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดในโลกในแง่ปริมาณการส่งมอบ เปิดเผยว่า กำไรสุทธิของบริษัทในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ อยู่ที่ 179 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปีที่แล้วที่ 52 ล้านดอลลาร์ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ที่ 30 ล้านดอลลาร์ โดยกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นนั้น ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากต้นทุนการระดมทุนและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ปรับตัวลงในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ เมื่อเทียบกับปีก่อน

หุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของยุโรป พุ่งขึ้น 2.9% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรสุทธิไตรมาส 2 มูลค่า 2.56 พันล้านยูโร (2.7 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งพลิกกลับมาทำกำไร เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีที่แล้วที่ขาดทุนถึง 4.22 พันล้านยูโร เนื่องจากบีเอ็นพี พาริบาส์ถูกสั่งปรับเป็นเงินถึง 8.97 พันล้านดอลลาร์ ในข้อหาฝ่าฝืนการคว่ำบาตรจากสหรัฐต่อซูดาน อิหร่าน และคิวบา

อย่างไรก็ตาม การร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ได้สกัดแรงบวกของตลาด โดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง 0.9% ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่นั้น หุ้นอันโตฟากัสต้า ดิ่งลง 2.3% หลังจากอันโตฟากัสต้าตกลงซื้อหุ้น 50% ในบริษัทแบร์ริค โกลด์ และหุ้นวอลลูเรค เอสเอ ร่วงลง 6.3% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2558

Back to top button