เจ้าของร่างกายหาใช่เจ้าของหัวใจไม่!!
1 กรกฎาคม ปี 2540 สหราชอาณาจักรได้ส่งมอบอธิปไตยเหนือ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง คืนแก่สาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ หลังได้ดำรงตนเป็นผู้ครอบครองหมู่เกาะแห่งนี้ในฐานะของผู้เช่า มาเป็นเวลารวมทั้งสิ้น 99 ปี ซึ่งประเด็นที่น่าสนใจ ณ นาทีนี้ คือ มรดกทางความคิดในแง่ของการเมืองการปกครอง ที่สหราชอาณาจักรได้ทิ้งไว้ให้ประชาชนชาวฮ่องกง
–ตามกระแสโลก–
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ปี 2540 สหราชอาณาจักรได้ส่งมอบอธิปไตยเหนือ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง คืนแก่สาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ หลังได้ดำรงตนเป็นผู้ครอบครองหมู่เกาะแห่งนี้ในฐานะของผู้เช่า มาเป็นเวลารวมทั้งสิ้น 99 ปี ซึ่งประเด็นที่น่าสนใจ ณ นาทีนี้ คือ มรดกทางความคิดในแง่ของการเมืองการปกครอง ที่สหราชอาณาจักรได้ทิ้งไว้ให้ประชาชนชาวฮ่องกง
การที่ชาวฮ่องกงถูกปลูกฝังมาในระบบการปกครองแบบสหราชอาณาจักรเป็นเวลาหลายชั่วอายุคน หากมองดูแบบผิวเผินแล้ว คงไม่ใช่ปัญหาที่หนักหนาอะไรนัก สำหรับรัฐบาลที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จอย่างรัฐบาลเป่ยจิง ในการที่จะปรับทัศนคติของผู้คนให้หันมายอมรับและสวามิภักดิ์ต่อรูปแบบการปกครองของตนเอง แต่ทว่า เรื่องมันกลับกลายเป็นไม่ง่ายดังที่คิดเอาไว้นะซี
ตลอดระยะเวลาหลังฮ่องกงกลับสู่อ้อมอกของมังกร เรามักจะได้เห็นเหตุการณ์การเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิต่างๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอทั้งบนดินและใต้ดิน โดยเหตุการณ์สำคัญครั้งล่าสุด เริ่มเกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ซึ่งก็คือ การอออกมาประท้วงเพื่อเรียกร้องไม่เอาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ที่มีทางการจีนเป็นผู้คัดสรรมาทั้งสิ้น โดยการประท้วงครั้งนี้ ได้กินเวลานานหลายเดือน จนส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจของฮ่องกงไม่น้อยเลยทีเดียว
หลายท่านคงจะทราบแล้วว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์ที่ชาวฮ่องกง จะได้ใช้สิทธิของตัวเองในการเลือกผู้นำของเขตบริหารพิเศษ ซึ่งจีนพยายามจะแสดงให้โลกได้เห็นว่า พวกเขาพร้อมจะให้ความเป็นประชาธิปไตยกับชาวฮ่องกง แต่ดูแล้วยังไงมันก็ยังถือเป็นการครอบงำอีกอยู่ดี เพราะแคนดิเดทแต่ละรายล้วนเป็นคนของตัวเองทั้งนั้น
สำหรับแกนนำในการชุมนุม รวมไปถึงผู้ชุมนุมในครั้งนี้ ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว ซึ่งเป็นเพียงนักเรียนหรือนักศึกษากันอยู่ทั้งนั้น ดังนั้นข้อเท็จจริงตรงนี้ จึงแสดงให้เห็นว่า คนฮ่องกงรุ่นใหม่มีแนวโน้มที่จะแข็งข้อต่อต้านต่อการปกครองจากจีนมากขึ้นทุกวันๆ และนี่จึงกลายเป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนภัยต่อรัฐบาลเป่ยจิงให้รู้ตัวว่า มันไม่ง่ายนะ!!
ด้วยเหตุการณ์การต่อต้านที่ได้เกิดขึ้นมาหลายครั้งหลายคราในช่วง 18 ปีที่ผ่านมา ทำให้จีนได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นว่า คงต้องใช้วิธีการอื่น หากจะกินรวบฮ่องกงให้ได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งจีนก็สามารถแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ด้วยวิธีการแบบจีนๆ ประมาณว่า “หากคนฮ่องกงไม่ยอมรับกติกาของเรา เราก็ต้องเอาคนของเราไปไว้ที่ฮ่องกงให้มากขึ้น”
โดย ณ ปัจจุบันนี้ คนฮ่องกงมีความรู้สึกขมขื่นใจเป็นอย่างมาก เพราะต้องทำใจยอมรับการอพยพย้ายถิ่นฐานเข้ามาทำมาหากินของชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งโดยปกติลำพังเพียงแค่พวกเขา ก็เรียกว่า แทบจะไม่มีพื้นที่ให้ซุกหัวนอนกันอยู่แล้ว แถมตอนนี้ยังต้องมาแย่งงานกันทำเพื่อหาเงินอีก เห็นหรือยังละว่า เกิดเป็นคนไทยนี่สุขแสนจะสบายกายและใจชนิดหาที่ใดเทียบมิได้
“ตามกระแสโลก” สัปดาห์หน้า เราจะมาดูกันว่า เมื่อรัฐบาลจีนซื้อใจคนฮ่องกงไม่ได้ แล้วพวกเขาจะเดินหมากกันอย่างไร หรือจะบีบให้แน่นเค้นให้ตายกันไปถึงขนาดไหน