บอร์ด กทพ. คาดเซ็นขยายสัมปทาน BEM ก่อน 21 ก.พ. พร้อมตั้ง”ดำเกิง ปานขำ”นั่งรักษาการผู้ว่าฯ
บอร์ด กทพ. คาดเซ็นขยายสัมปทาน BEM ก่อน 21 ก.พ. พร้อมตั้ง"ดำเกิง ปานขำ"นั่งรักษาการผู้ว่าฯ
นายสุรงค์ บูลกุล ประธานคณะกรรมการ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดกทพ. วันที่ 19 ก.พ. ได้รายงานมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่เห็นชอบ แก้ไขสัญญาทางด่วน ขั้นที่ 2 (ส่วน A ,B ,C ) ทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน D และ สัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด (C+) เพื่อยุติข้อพิพาทระหว่าง กทพ. และ บมจ. ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ทั้ง 17 คดี ที่มีมูลค่าที่ 58,873 ล้านบาท โดยมีการต่อขยายสัญญาโครงการทางด่วน เป็นระยะเวลา 15 ปี 8 เดือน
โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนให้ทั้ง 2 ฝ่ายตรวจสอบสัญญาอีกครั้ง ในส่วนของรายละเอียดกระบวนการ เพื่อความรอบคอบและครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งบอร์ดเห็นว่า ให้เช็ครายละเอียดทุกหัวข้อให้รอบคอบอีกครั้ง ทั้งเรื่องการเงิน การจราจร ความปลอดภัย ด้านวิศวกรรม การบำรุงรักษาต่างๆ โดยคาดว่าจะลงนามสัญญาแก้ไขได้ภายในสัปดาห์นี้ หรือไม่เกินวันที่ 21 ก.พ. 2563 ซึ่งเป็นไปตามมติครม.และกระทรวงคมนาคมที่เร่งรัด
อย่างไรก็ตาม การแก้ไขโดยต่อสัญญาให้ BEM 15 ปี 8 เดือน เพื่อยุติข้อพิพาททั้งหมด โดยที่ค่าผ่านทางขึ้นครั้งเดียว ปี 2571 โดยปรับขึ้น 10 บาท ขณะที่ BEM ยังคงมีสิทธิ์ ได้ต่อสัญญาซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขข้อ 21 ของสัญญาเดิมอยู่ โดยมีสิทธิ์ 2 ครั้งๆ ละ 10 ปี ซึ่ง BEM ขอสิทธิ์ในส่วนที่เหลือ นั่นหมายความว่า ในการต่อสัญญา 15 ปี 8 เดือน BEM ไปแล้วจะยังคงเหลือสิทธิ์อีก 4 ปี 4 เดือน ซึ่งไม่ใช่ได้ต่อโดยอัตโนมัติ แต่จะต้องมีการเจรจาเงื่อนไขและผลตอบแทนใหม่ ณ เวลานั้น ซึ่งเป็นไปตามสัญญาปกติทั่วไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้มีมติแต่งตั้ง นายดำเกิง ปานขำ รองผู้ว่าการฝ่ายปฏิบัติการ กทพ. ทำหน้าที่รักษาการผู้ว่าฯกทพ.คนใหม่ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. 2563 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นรองผู้ว่าฯ ที่มีอาวุโสสูงสุด ตามลำดับ
ส่วนกรณีที่นายวิชาญ เอกรินทรากุล รองผู้ว่าการ ฯ ฝ่ายกลยุทธ์และแผนงาน และทำหน้าที่รักษาการผู้ว่าฯกทพ.ได้ยื่นใบลาออก โดยจะมีผลวันที่ 3 มี.ค. 2563 เนื่องจากมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ที่เพิ่งผ่าตัดและยังต้องรักษาตัว บอร์ดมีการพิจารณา โดยเห็นว่า นายวิชาญ ยังเป็นบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถที่เป็นประโยชน์ต่อกทพ.และยังสามารถทำงานได้ แต่ไม่พร้อมที่จะปฎิบัติหน้าที่รักษาการผู้ว่าฯกทพ. ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบอร์ดได้มีมติยับยั้งใบลาออก โดยมอบหมายให้ไปเป็นที่ปรึกษา กทพ. และให้ทำหน้าที่ตามที่ ได้รับมอบหมายจากรักษาผู้ว่าฯรกทพ.คนใหม่มอบหมาย ซึ่งนายวิชาญ สมัครใจที่จะอยู่ทำงานต่อ ในตำแหน่งที่ปรึกษา
“ขณะนี้ อยู่ระหว่างกระบวนการสรรหาผู้ว่าฯกทพ.คนใหม่ ที่มี นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาฯ ซึ่งจะได้เร่งการสรรหา จึงเป็นช่วงรอยต่อที่ยังมีความเหมาะสมที่นายวิชาญ เอกรินทรากุล จะยังคงอยู่เพื่อช่วยงานในหน้าที่สามารถปฏิบัติงานได้ ซึ่งทั้ง นายวิชาญ มีความประสงค์ในการทำงานเพื่อช่วยงานกทพ.ในระหว่างนี้ ส่วนนายดำเกิง ได้ตอบรับกับบอร์ดในการปฎิบัติหน้าที่รักษาการผู้ว่าฯ ซึ่งถือว่าเป็นความเสียสละในการทำงาน”
ขณะที่ BEM เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 19 ก.พ.63 มีมติอนุมัติให้ BEM และ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ (NECL) ดำเนินการแก้ไขสัญญาเพื่อยุติข้อพิพาทโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ทางพิเศษศรีรัช รวมถึงส่วนดี) และทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด (ทางพิเศษอุดรรัถยา) โดยข้อตกลงเพื่อยุติข้อพิพาทที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และ BEM/NECL ตกลงร่วมกัน ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ก.พ.63 มีการเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปตามผลการเจรจาต่อรองขั้นสุดท้าย และสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี
โดยเป็นการขยายระยะเวลาของสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ส่วนเอ ส่วนบี และส่วนซี) และสัญญาเพื่อการต่อขยายโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ส่วนดี และสัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 ต.ค.78 และ ไม่มีการลงทุนก่อสร้างและปรั้บปรุงทางด่วนยกระดับ (Double Deck) มูลค่า 31,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ BEM/NECL ยังคงมีสิทธิต่อระยะเวลาสัญญาให้ครบตามที่ระบุในสัญญาเดิม นับจากวันที 31 ต.ค.78 ซึ่งระยะเวลาที่เหลือตามสิทธิของสัญญาเดิม ของสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 คือ 4 ปี 4 เดือน สัญญาเพื่อการต่อขยายโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 (ส่วนดี) 11 ปี 6 เดือน และสัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด 10 ปี 11 เดือน และ BEM/NECL ให้ความร่วมมือกับ กทพ. ในการยกเว้นค่าผ่านทางในวันหยุดราชการประจำปี ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีที่รัฐบาลประกาศกำหนดให้ยกเว้นค่าผ่านทางให้ประชาชน
ทั้งนี้ BEM/NECL จะมีการลงนามสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ทางพิเศษศรีรัช รวมถึงส่วนดี) และสัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด (ทางพิเศษอุดรรัถยา) ฉบับแก้ไขภายในเดือน ก.พ.63