‘ถอย’ หรือ ‘ไปต่อ’ ดี ?
ความหวาดกลัวและวิตกกังวลเกี่ยวกับ “โควิด-19” ได้ถึงจุดสูงสุดเมื่อเราได้เห็นตลาดการเงินทั่วโลกดิ่งเหวในวันจันทร์ที่ผ่านมา เหตุผลหลัก ๆ ที่ตลาดการเงินแสดงปฏิกิริยาอย่างรุนแรงเช่นนั้นในตอนนี้ก็เพราะว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนานอกประเทศจีนได้เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ จนทำให้เกิดความวิตกกันว่าการแพร่ระบาดของไวรัสจะทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง
พลวัตปี 2020 : ฐปนี แก้วแดง(แทน)
ความหวาดกลัวและวิตกกังวลเกี่ยวกับ “โควิด-19” ได้ถึงจุดสูงสุดเมื่อเราได้เห็นตลาดการเงินทั่วโลกดิ่งเหวในวันจันทร์ที่ผ่านมา เหตุผลหลัก ๆ ที่ตลาดการเงินแสดงปฏิกิริยาอย่างรุนแรงเช่นนั้นในตอนนี้ก็เพราะว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนานอกประเทศจีนได้เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ จนทำให้เกิดความวิตกกันว่าการแพร่ระบาดของไวรัสจะทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง
ก่อนหน้าที่จะถึงจุดนี้ดูเหมือนว่า ตลาดยังไม่รู้สึกเดือดร้อนมากเท่าไหร่กับผลกระทบของไวรัส นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากได้คาดการณ์ว่าจะมีการฟื้นตัวแบบรูปตัววี ซึ่งจะดิ่งลงลึกก่อนที่จะฟื้นตัวอย่างรุนแรง
แต่พอนานวันเข้าการแพร่ระบาดที่จำกัดวงแต่ในประเทศจีนเป็นส่วนใหญ่ ได้ลามไปยังเพื่อนบ้านในเอเชีย จนล่าสุดกระจายไปไกลถึงยุโรปและตะวันออกกลาง นักลงทุนจึงเริ่มรู้สึกว่ามันอาจเลวร้ายกว่าที่คิดและกลายเป็นปัญหาระดับโลกที่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
คำถามที่เกิดขึ้นจากนี้ไป หากไวรัสยังไม่สามารถควบคุมได้และการแพร่ระบาดกระจายไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นโรคระบาดทั่วโลกแล้ว จะทำอย่างไรต่อไป? ควรจะถอยหรือไปต่อดี?
กูรูในการลงทุนอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้พูดถึงการระบาดของไวรัสโคโรนาว่า ได้ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯอ่อนแอลง แต่ก็ตั้งข้อสังเกตว่าการเติบโตยังคงแข็งแกร่ง ถึงแม้ว่าธุรกิจจะดาวน์ลง แต่เป็นการดาวน์ลงจากระดับที่ดีมาก และยังคงแนะนำให้ซื้อหุ้นในระยะยาว
ผู้จัดการกองทุนในเอเชียจำนวนหนึ่งก็ยังไม่เห็นว่าจะต้องเร่งเทขายและยังคงมองแนวโน้มหุ้นเอเชียในทางบวกแม้ว่ามีความวิตกเกี่ยวกับการระบาดไปทั่วโลก
อัลลิแอนซ์เบิร์นสไตน์ โฮลดิ้ง และยูเนียน เบนแคร์ พรีวี คาดการณ์ว่า นโยบายเงินที่มีความผ่อนคลายจากธนาคารกลางทั่วโลกจะช่วยให้หุ้นฝ่าฟันความกังวลเกี่ยวกับไวรัสได้ และมองว่า การปรับตัวลงของราคาหุ้นที่มีความกังวลอย่างรุนแรงเมื่อไวรัสกระจายไปนอกจีน เป็นโอกาสในการซื้อที่ดีมากขึ้น
นักกลยุทธ์การลงทุนของอัลลิแอนซ์เบิร์นสไตน์ ในฮ่องกง มองว่าตลาดโซเซในระยะใกล้เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ ประโยชน์จากการผ่อนคลายเชิงปริมาณทั่วโลกและการพักรบจากสงครามการค้า ควรจะทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว มากกว่าที่ไวรัสโคโรนาจะทำให้เกิดความเสี่ยงในด้านลบ
แอกซ่า อินเวสเมนต์ กล่าวว่า แรงเทขายหุ้นอย่างรุนแรง จะตามมาด้วยการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเหมือนที่เกิดขึ้นเมื่อตอนที่เกิดการระบาดของโรคซาร์ส โดยยังคงคาดการณ์ว่ากำไรในเอเชียยังคงโตเป็นเลขสองหลักกลาง ๆโดยมีบริษัทเทคโนโลยีและเซมิคอนดักเตอร์ขับเคลื่อน
อย่างไรก็ดี ใช่ว่าจะมีแต่กองทุนที่มองในมุมบวก มีกองทุนที่มองในมุมลบเช่นกัน เช่น อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสเมนต์ และนอร์ธเคพ แคปิตอล ได้ออกมาเตือนตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการติดเชื้อที่มีการยืนยันเพิ่มขึ้นนอกประเทศจีน
ฟิเดลิตี้ อินเตอร์เนชันแนลก็เตือนว่า การผ่อนคลายนโยบายของธนาคารกลางได้ทำให้การประเมินมูลค่าสูงกว่าปัจจัยพื้นฐานในหลาย ๆ ส่วนของตลาด และกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จในอดีตอาจจะไม่ได้ผลในอนาคต
แม้ว่าเราอาจรู้สึกว่านี่อาจเป็นโอกาสในการซื้อโดยเฉพาะในเอเชียและตลาดเกิดใหม่ แต่นักลงทุนก็ตระหนักเป็นอย่างดีว่า ความซบเซาที่เกิดขึ้นอาจจะกลายเป็นสัญญาณที่กลยุทธ์ที่ใช้มานานก็ไม่ได้ผล
ในยามนี้ยากที่จะฟันธงได้ว่า ความเห็นของฝ่ายใดถูกต้อง คงต้องดูกันวันต่อวัน ตราบเท่าที่โลกยังไม่สามารถยับยั้งการระบาดของไวรัสโคโรนาได้ การเตรียมตัวรับกับสถานการณ์ที่เลวร้ายสุดไว้ก่อน น่าจะเป็นการดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด