ดันท้ายตลาดโมนิก้าและทีมงาน
*วานนี้เป็นอีกครั้งที่นักลงทุนได้เห็นยุทธการดันหุ้นท้ายตลาดเพื่อทำดัชนี ซึ่งถ้ามองในแง่ของจิตวิทยาการลงทุนเที่ยวนี้ “โมนิก้า” ขอเม้าท์ตามตรงว่า บ้อท่า! เพราะเป็นมุกตื้นๆ ที่มันไม่มีผลกับการลงทุนระยะยาว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เดี๊ยนพยายามย้ำกับแฟนคลับครั้งแล้วครั้งเล่าว่า นี่เป็นเกมที่กองทุนเป็นคนกำหนด! ไม่มีใครหยั่งรู้เหตุการณ์จะออกมาในรูปไหนเจ้าค่ะ
*วานนี้เป็นอีกครั้งที่นักลงทุนได้เห็นยุทธการดันหุ้นท้ายตลาดเพื่อทำดัชนี ซึ่งถ้ามองในแง่ของจิตวิทยาการลงทุนเที่ยวนี้ “โมนิก้า” ขอเม้าท์ตามตรงว่า บ้อท่า! เพราะเป็นมุกตื้นๆ ที่มันไม่มีผลกับการลงทุนระยะยาว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เดี๊ยนพยายามย้ำกับแฟนคลับครั้งแล้วครั้งเล่าว่า นี่เป็นเกมที่กองทุนเป็นคนกำหนด! ไม่มีใครหยั่งรู้เหตุการณ์จะออกมาในรูปไหนเจ้าค่ะ
*ที่แน่ๆ คือดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,442.04 จุด บวกไป 1.92 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.10 หมื่นล้านบาท ทั้งที่เสี้ยววินาทีก่อนหน้านี้ลบอยู่ 1 จุด พอคล้อยหลังได้แป๊บเดียว ดัชนีพุ่งกระฉูดหน้าตาเฉย แถมกองทุนกวาดหุ้นเข้าพอร์ตไปทั้งสิ้น 1.35 พันล้านบาท ส่วนฝรั่งตาน้ำข้าวสาดหุ้นออกมาอีก 1.40 พันล้านบาท มันเป็นการชักเย่อระหว่างกลุ่มทุนหนานะจะบอกให้
*งานนี้ไม่ต้องวิเคราะห์อะไรมากมาย เพราะแค่รู้ว่า ตัวเลขเศรษฐกิจยังย่ำแย่ แล้วหุ้นจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนขึ้น แถมได้ยิน “อุ๋ยร้อยจุด” พูดอย่างหน้าตาเฉยว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจเกิดขึ้นทั่วโลก และส่วนตัวยังรู้สึกเฉยๆ กับภาวะเศรษฐกิจในตอนนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ทำเอาอกอีแป้นจะแตก เพราะไม่คิดไม่ฝันว่า สติสตังของคนที่เคยได้ชื่อว่าเป็นระดับหัวกะทิของประเทศจะคิดได้เพียงเท่านี้นะคะ
*ด้วยเหตุนี้ถึงต้องโฟกัสเฉพาะหุ้นรายตัว ซึ่งมีทีเด็ดซ่อนไว้ในตัวเป็นลำดับแรก เพราะสิ่งที่เห็นในวันนี้ยังเหมือนกับการพายเรือวนอยู่ในอ่าง ขนาดหุ้นบลูชิพที่ว่า เจ๋งๆ แน่ๆ วันนี้ก็ยังโชว์ฟอร์มไม่ออก ส่วนหุ้นขนาดเล็กก็กลายเป็นของเล่นแก้ขัดในยามที่ไม่มีสตอรี่ใหม่ๆ “โมนิก้า” ถึงมีอาการวิงเวียนศีรษะเหมือนจะเป็นลมเมื่อเห็นดัชนีสวิงไปมาในระหว่างวันเจ้าค่ะ
*ล่าสุดเห็นข่าวตลาดหุ้นกรีซเปิดการซื้อขายอีกครั้ง ภายหลังจากปิดทำการนานถึงเกือบ 5 สัปดาห์ และทันทีที่เปิดการซื้อขายอย่างเป็นทางการดัชนีก็รูดลง 23% “โมนิก้า”ถือเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เดี๊ยนนึกถึงคำของพี่เบิร์ดที่ว่า “ฝนที่ตกทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้” ขึ้นมาในทันที! หลังหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของไทยยังติดอยู่ในโลกทัศน์แบบเดิมๆ แล้วมันจะรอดกันอย่างไรล่ะเนี่ย
*เมื่อตัวเลือกในการลงทุนไม่มีให้เล่นมากนัก บรรดาขาลุยถึงกระโจนเข้าใส่ PK กันอย่างสนุกสนาน เพราะเป็นหุ้นเก็งกำไรอีกหนึ่งตัวที่ยังไม่โดน Cash Balance ซึ่งเป็นการเปิดช่องให้ทุกคนที่มีใจรักในการลงทุนเข้ามาตะลุมบอนกันอย่างเมามัน วานนี้ถึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 5.70 บาท บวกไป 1.30 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.20 พันล้านบาท แถมเป็นการบวกต่อเนื่อง 3 วันแบบนี้..ใครกล้าก็เชิญลุยกันต่อนะคะ
*เหมือนกับกรณีของ ASIMAR จู่ๆ กระชากขึ้นอย่างร้อนแรง ก่อนจะมาปิดที่ระดับ 3.66 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 19% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 870 ล้านบาท ทำให้หลายคนมองว่า ข่าวลือมักเป็นจริงเสมอ ยังเป็นคำพูดที่เป็นอมตะนิรันดร์กาล การเปลี่ยนมือกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่คงจะเกิดขึ้นในไม่ช้า วันนี้ถึงต้องรีบกระโจนใส่ก่อนข่าวจริงจะปรากฏให้เห็นก็เท่านั้นเอง
*ถ้าปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่รีบไขว่คว้าอะไรไว้ในมือ อาจต้องประสบชะตากรรมเดียวกับ AJD ซึ่งวินาทีนั้นไม่มีใครสนใจอะไรทั้งสิ้น เพราะทุกคนท่องคาถาเดียวกันว่า sell on fact ประกาศข่าวอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ ถือว่าจบรอบเล่นชั่วคราว วานนี้ถึงเห็นหุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 1.04 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไป 5% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 670 ล้านบาท ทั้งที่ในระหว่างวันขึ้นไปถึง 1.16 บาทแบบนี้..เดี๋ยวก็เล่นกันอีกรอบเชื่อน้องโมเถอะค่ะ
*ส่วนที่ลาลับ ลาเลย “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่ LIVE สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่ไม่มีสตอรี่อะไรมาขายอีกแล้ว แถมมีข่าวเม้าท์ในกลุ่มนักเล่นสายฮาร์ดคอร์ว่า คนที่ทิ้งหุ้นจนรูดลงมาปิดที่ 0.79 บาท ลบไป 0.11 บาท หรือลงไป 12% ด้วยมูลค่า 190 ล้านบาท มันต้องเป็นหุ้นที่โยนออกมาจากกลุ่มรายใหญ่ และนาทีนี้คงไม่มีใครใหญ่เกินกว่า “เสี่ย จ.” เลยกลายเป็นจำเลยของสังคมชาวหุ้น..อย่างว่า “ได้เงิน” กับ “ถูกด่า” ก๊วนนี้เขาเอาเงิน และยอมถูกด่าอยู่แล้ว..เชื่อมั้ย!
*ผิดกับหุ้นทรงดีพิมพ์นิยม BEAUTY วันนี้ยังคงเนื้อหอมไม่เปลี่ยนแปลง แถมมีสตอรี่เกี่ยวกับกำไรโตเป็นแบ็กอัพ “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่แม่น้ำทุกสายไหลรวมมาที่นี้ ก่อนหน้านี้ 1-2 วัน “โมนิก้า” เห็นหุ้นตั้งลำอ่อนๆ ก็คิดว่า คงไต่ระดับขึ้นอย่างช้าๆ แต่วานนี้กลับกระชากขึ้นม้วนเดียวมาปิดที่ 4.54 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 7% มันเหมาะสำหรับการโหนกระแสเสียจริงๆ เจ้าค่ะ
*คิดดูแล้วกัน? ขนาดแม่ลูก TIPCO กับ TASCO ยังกระชากขึ้นหน้าตาเฉย ทั้งที่หลายคนมองว่าหุ้นขึ้นมาเยอะพอสมควร แต่วานนี้หุ้นยังวิ่งขึ้นมาปิดที่ 14 บาท บวกไป 1.30 บาท หรือขึ้นไป 10% ส่วนรายหลังวิ่งขึ้นมาปิดที่ 25.25 บาท บวกไป 0.85 บาท หรือขึ้นไป 3.50% “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ ทุกอย่างถึงออกมาดีขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่างว่า..งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา หุ้นขึ้นมาถึงจุดเหมาะสม สุดท้ายก็ต้องลงเป็นธรรมดา จริงไหมค่ะ