น้ำมันดิบปิดร่วง ตลาดวิตกโอเปกเพิ่มกำลังผลิต
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) จะเพิ่มขึ้นอีกในเดือนก.ค. หลังจากที่พุ่งขึ้นอย่างมากในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่นายอับดุลลาห์ อัล-บาดรี เลขาธิการกลุ่มโอเปกยืนยันว่า โอเปกจะไม่ลดกำลังการผลิต แม้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นก็ตาม
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 45.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 2.69 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันดิบนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความกังวลว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกอาจจะสูงเกินไปและจะสร้างแรงกดดันให้กับราคาน้ำมัน โดยนักลงทุนคาดว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกจะเพิ่มขึ้นอีก หลังจากที่การผลิตในเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 283,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับเฉลี่ย 31.38 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี
นายอับดุลลาห์ อัล-บาดรี เลขาธิการกลุ่มโอเปกยืนยันว่า โอเปกจะไม่ลดกำลังการผลิต แม้ขณะที่โลกกำลังเผชิญภาวะน้ำมันล้นตลาดก็ตาม นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์รายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 5 แห่ง เป็น 664 แท่น รวมทั้งความวิตกกังวลที่ว่า อิหร่านอาจจะผลิตและส่งออกน้ำมันได้มากขึ้น เมื่อการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านมีผลบังคับใช้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะยิ่งทำให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นด้วย
นอกเหนือจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาดแล้ว ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอของภาคการผลิตทั้งในจีนและสหรัฐ โดยมาร์กิตเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนร่วงลงแตะ 47.8 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี จาก 49.4 ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ทางการสหรัฐระบุว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 52.7 ในเดือนก.ค. ลดลงจากระดับ 53.5 ในเดือนมิ.ย.
ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้