โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” ORI ชี้ปันผลสูง-ผลงานเด่น เคาะเป้า 10 บ.
โบรกฯ เชียร์ "ซื้อ" ORI ชี้ปันผลสูง-ผลงานเด่น เคาะเป้า 10 บ.
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้รวบรวมบทวิเคราะห์หุ้น บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI โดยนักวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น ORI หลังผลงานไตรมาส 4/62 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด และมองว่าผลการดำเนินงานปี 2563 ของ ORI จะเติบโตได้ดีกว่ากลุ่ม
โดย นักวิเคราะห์ บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น ORI ประเมินราคาเป้าหมายที่ 10 บาท/หุ้น โดย บล.เอเชีย เวลท์ มีมุมมองเป็นบวกต่อแผนการดำเนินงานในอนาคตที่เน้นการเพิ่ม Recurring Income โดยการรุกธุรกิจโรงแรม เพื่อลดความผันผวนของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งล่าสุดเปิดโรงแรม 2 แห่ง ช่วยหนุนรายได้ในปี 2563 ราว 520 ล้านบาท และเลือก ORI เป็น Top Picks ของกลุ่มจากความสามารถในการรักษาระดับรายได้ และ Take Up Rate ที่โดดเด่นสุด ทั้งนี้บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังปี 2562 ที่ 0.29 บาทต่อหุ้น (Div.Yld.5.9% และ XD 14 พ.ค.)
ส่วน นักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ORI ราคาเป้าหมาย 8.50 บาท/หุ้น อิง PER ปี 2563 ที่ 7.3 เท่า โดย ORI รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/62 ที่ 882 ล้านบาท ลดลง 6% เมื่อเทียบจากปีก่อน แต่เติบโต 28% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นกำไรรายไตรมาสที่สูงสุดในปีนี้ โดยดีกว่าตลาดคาด 6% แต่ใกล้เคียงกับที่บล.เคทีบี (ประเทศไทย) คาด จากโอนคอนโด Knightsbridge Prime Sathorn ได้มากขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นยังทำได้สูง 44.8% ดีขึ้นทั้งเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และเมื่อเทียบจากปีก่อน
ดังนั้นจึงยังคงประเมินกำไรปกติปี 2563 ที่ 2.8 พันล้านบาท เติบโต 10% เมื่อเทียบจากปีก่อน ซึ่งจะยังคงเติบโตได้ดีกว่ากลุ่ม จากการมีคอนโดใหม่เริ่มโอนเพิ่มมากขึ้น ยังคงเติบโตได้ดีกว่ากลุ่ม เนื่องจากจะมีคอนโดใหม่เริ่มโอนเพิ่มมากขึ้น โดยมี backlog ที่ secure รายได้ในปี 2563 แล้วไม่ต่ำกว่า 60% ใหม่ และจะได้ผลบวกมากขึ้นจากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ของภาครัฐ นอกจากนั้น ORI ยังอาจมีกำไรพิเศษเพิ่มเติมจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยระหว่างปีเพิ่มขึ้นด้วย
ส่วนความกังวลต่อยอดโอนต่างชาติที่จะลดลงจาก COVID-19 ประเมินว่าจะมีผลกระทบในช่วงครึ่งปีแรกปี 2563 และจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังปี 2563 โดย ORI มีจุดแข็งจาก Backlog ที่รอโอนปีนี้สูงไม่ต่ำกว่า 60% ของรายได้ที่บล.เคทีบี (ประเทศไทย) คาด ทำให้โอกาสผลการดำเนินงานปี 2563 จะต่ำกว่าที่บล.เคทีบี (ประเทศไทย) คาดมีไม่มาก นอกจากนั้น ปัจจุบัน Valuation ยังต่ำสุดในกลุ่มที่ PER ปี 2563 ที่เพียง 4.7 เท่า เทียบค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 6.6 เท่า
ขณะที่ นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORI เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 63 ที่ 2.15 หมื่นล้านบาท และรายได้รวม 1.6 หมื่นล้านบาท จากทั้งธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย ธุรกิจบริการ และธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่องที่จะเริ่มรับรู้รายได้ในปีนี้เป็นปีแรก
แผนธุรกิจในปี 63 บริษัทจะให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างภายในองค์กร สร้างรากฐานการเติบโตของทุกประเภทธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจัยภายนอก โดยวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในกลุ่มที่อยู่อาศัยทั้งสิ้น 14 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย โครงการกลุ่มสมาร์ทคอนโดมิเนียม แบรนด์ ดิ ออริจิ้น 2 โครงการ มูลค่ารวม 4.2 พันล้านบาท โครงการกลุ่มลักชัวรี่คอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่ารวม 2.3 พันล้านบาท
นอกจากนั้นยังมีโครงการกลุ่มบ้านจัดสรร 10 โครงการ มูลค่ารวม 1.21 หมื่นล้านบาท ครอบคลุมทั้งแบรนด์บริทาเนีย และแบรนด์ใหม่ 3 แบรนด์ ได้แก่ แกรนด์บริทาเนีย ไบรตัน และเบลกราเวีย โครงการกลุ่มอีอีซี 1 โครงการ มูลค่ารวม 1.4 พันล้านบาท ภายใต้แบรนด์เดอะ แฮมป์ตัน (The Hampton) ในศรีราชา