พาณิชย์อ่อนเชิง ก.ล.ต.อ่อนหัด

*บอกตามตรงว่า “โมนิก้า” ไม่รู้สึกเป็นกังวลกับลักษณะ “วิ่งขึ้น วิ่งลง” ของดัชนีแม้แต่นิดเดียว เพราะเป็นเรื่องที่พอคาดเดาเหตุการณ์จะเดินไปถึงจุดไหนได้คร่าว ๆ จึงไม่เคยถือโทษโกรธเคืองเรื่องต่าง ๆ ที่เข้ามาในเวลานี้ ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยหลายอย่างอยู่เหนือการควบคุม และทุกภาคส่วนกำลังช่วยกันต่อสู้กับไวรัสมรณะอย่างเต็มที่ จึงขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่ช่วยกันคนละไม้คนละมือนะคะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*บอกตามตรงว่า “โมนิก้า” ไม่รู้สึกเป็นกังวลกับลักษณะ “วิ่งขึ้น วิ่งลง” ของดัชนีแม้แต่นิดเดียว เพราะเป็นเรื่องที่พอคาดเดาเหตุการณ์จะเดินไปถึงจุดไหนได้คร่าว ๆ จึงไม่เคยถือโทษโกรธเคืองเรื่องต่าง ๆ ที่เข้ามาในเวลานี้ ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยหลายอย่างอยู่เหนือการควบคุม และทุกภาคส่วนกำลังช่วยกันต่อสู้กับไวรัสมรณะอย่างเต็มที่ จึงขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่ช่วยกันคนละไม้คนละมือนะคะ

*ประกอบกับเดี๊ยนเหลือบไปเห็นข่าวตลาดหลักทรัพย์ “สิงคโปร์” ออกประกาศอย่างเป็นทางการเพื่อเลื่อนประชุมผู้ถือหุ้นออกไปก่อนเป็นเวลา 2 เดือน เพราะกลัวนักลงทุนไม่ปลอดภัย และอาจทำให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว รวมทั้งชี้ให้เห็นเสาหลักของตลาดหุ้นก็คือผู้ลงทุน จึงต้องสร้างมาตรการทุกอย่างขึ้นมาปกป้องความปลอดภัยในชีวิต จึงต้องขอปรบมือดัง ๆ ให้กับแนวคิดดังกล่าวนะจะบอกให้

*เมื่อย้อนกลับมาดูแนวทางของตลาดหลักทรัพย์ “ไทย” เดี๊ยนถึงกับต้องอุทานออกมาดัง ๆ “ไอ๊หยา อาตือ” เพราะรูปแบบการป้องกันไม่บูรณาการเลยพับผ่าซิ! “โมนิก้า” ถึงอารมณ์ขึ้นสุด ๆ เพราะรูปแบบการปฏิบัติมันผิดหลักไปจากข้อเท็จจริงพอสมควร จึงขอเม้าท์ถึงประเด็นนี้มากเป็นพิเศษ เพื่อทำให้ประเทศไทยผ่านวิกฤตโดยไม่ต้องไปโทษใครเป็นต้นเหตุที่ทำให้เรื่องบานปลาย (เบื่อพวกปากว่าตาขยิบ) เจ้าค่ะ

*ประเด็นของเรื่องนี้มันเกิดจากกลุ่มผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน และผู้คร่ำหวอดในวงการหุ้นเห็นพ้องต้องกันว่า ควรเลื่อนออกไปก่อน แต่หน่วยงานตั้งต้นอย่างสำนักงาน ก.ล.ต. กลับอวดภูมิความรู้ด้วยการไม่รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น พร้อมกับเร่งออกข่าวสร้างภาพ เพื่อทำให้ทุกคนเห็นด้วยกับวิธีมอบอำนาจให้แก่กรรมการอิสระไปทำหน้าที่โหวตแทน เพราะเชื่อว่าจะปกป้องผลประโยชน์ของรายย่อยไงล่ะคะ

*น่าเสียดายที่หลักคิดดังกล่าวมันอยู่แค่ในโลกแห่งความฝัน (ตอนท้ายจะยกตัวอย่างให้ดู) เพราะแก่นแท้ของการประชุมผู้ถือหุ้นคือ วันนั้นจะเป็นเพียงครั้งเดียวที่รายย่อยได้มีโอกาสแสดงความคิดส่งตรงไปยังกลุ่มผู้บริหาร จึงควรเข้าใจด้วยว่าเรื่องนี้มันสำคัญมากจริง ๆ เพราะเรื่องบางเรื่องที่ไม่เคยรู้ ก็จะรู้อย่างหมดไส้ในวันนั้น “โมนิก้า” ถึงไม่อยากให้หัวเรือใหญ่อย่าง “เจ๊รื่น” มองข้ามประเด็นนี้ไปง่าย ๆ หรอกค่ะ

*ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ตอนนี้ทุกคนรับรู้แล้วว่า กำลังมีผีน้อยจากเกาหลีครึ่งหมื่นทะลักกลับมาไทย จนสร้างความหวาดหวั่นให้กับคนทั้งประเทศ เพราะอาจตีกรอบการแพร่เชื้อได้ยากขึ้น “โมนิก้า” ยิ่งให้น้ำหนักต่อการเลื่อนประชุมมากขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะเห็นกันมานมนานแล้วว่า คนที่มาประชุมผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และท่านเหล่านี้ก็เป็นกลุ่มที่สุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อง่าย (ชอบมาประชุมด้วยตนเอง)..มันไม่คุ้มเลยจริง ๆ นะคะ

*ยิ่งมองในมุมของการเดินทางไปประชุมผู้ถือหุ้นหลายแห่ง ยิ่งกลายเป็นประเด็นที่ทำให้สำนักงานต้องคิดหนัก “โมนิก้า” เลยขอยกตัวอย่างให้เห็นว่า หากวันนั้นมีบริษัทประชุมผู้ถือหุ้นพร้อมกัน 20 แห่ง และมีคนเข้าร่วมแต่ละแห่ง 500 คน เท่ากับวันนั้นมีคนมาอยู่รวมกันมากถึง 1 หมื่นคนเชียวนา! เดี๊ยนถึงมองเป็นเรื่องที่ “เจ๊รื่น” ต้องออกมาตอบสังคมให้ได้ว่า หากเกิดแอ็กซิเดนต์บางอย่างขึ้นมา..เจ๊รับผิดชอบไหวไหมคะ

*งานนี้จะไปโทษเจ๊คนเดียวคงไม่ถูกต้องนัก “โมนิก้า” คงต้องตามไปเบิ๊ดกะโหลกหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงอย่างปลัด ก.พาณิชย์ ว่าคลอดไอเดียแบบนี้ออกมาได้อย่างไร ? ไหนพร่ำบอกเป็นวรรคเป็นเวรรักทุกคน แต่ผลของการกระทำที่ออกมามันโหลยโท่ยเหลือเกินล่ะพ่อคุณ! หรือเจ้าของกระทรวงพาณิชย์อย่าง “อู๊ดด้า” เป็นนักบริหารประเภท “บ่มิไก๊” ถึงชอบทำตัวอ่อนด้อยประสบการณ์ให้เห็นประจำ (หน้ากากอนามัยคือตัวอย่างชั้นดี) เจ้าค่ะ

*ผลของการกระทำแบบนี้กระมัง!..ถึงทำให้พรรคเก่าแก่อย่าง ปชป. ถูกผู้คนมากมายค่อนแคะเป็นประจำว่า “เก่งแต่พูด” และถ้าเม้าท์กันตามสายงาน จะเห็นว่าการประชุมผู้ถือหุ้นอยู่ในอำนาจของเจ้ากระทรวงนี้เต็ม ๆ “โมนิก้า” เลยได้แต่หวังว่าหัวหน้าพรรคจะทำอะไรที่เด็ดขาดสักที ไม่เช่นนั้นอาจถูกคนด่าลับหลังเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เพราะคนเขาไม่รู้ว่าใช้อวัยวะส่วนไหนคิดน่ะซี..อิอิอิ

*ย้อนกลับมาหนังตัวอย่างที่เข้ากับเรื่องนี้ได้ดีคือ การประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ACAP ซึ่งนักลงทุนโหวตคว่ำมติที่ประชุม ซึ่งให้ขยายเวลา “ชำระหนี้” และ “เพิ่มดอกเบี้ย” ออกไปก่อน “โมนิก้า” ถึงอยากถามกลับว่า หากเป็นกรรมการอิสระจะกล้าทำไหม ? แถมเมื่อสองสามวันที่ผ่านมาเพิ่งแจ้งผิดนัดชำระ บวกกับผู้บริหาร 3 รายเพิ่งไขก๊อกออกไปอีก โดยให้เหตุผลไม่ประสงค์นั่งต่อแบบนี้ “เจ๊รื่น” ตอบหน่อยเถอะ..ปล่อยได้เหรอ ?

Back to top button