SSP ปูพรมปี 63 ลุยวินด์ฟาร์มเวียดนาม 48 MW กำหนด COD ปี 64

SSP ปูพรมปี 63 ลุยวินด์ฟาร์มเวียดนาม 48 MW กำหนด COD ปี 64


นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทฯพร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนในโครงการพลังงานลม ในประเทศเวียดนามขนาดกำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ ที่เคยแจ้งตลาดฯไว้ช่วงเดือนกันยายน ปี 2562 โดยขณะนี้โรงไฟฟ้ามีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement : PPA)  และมีกำหนดขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในช่วงกลางปี 2564  ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ ในการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนของบริษัทฯ ไปสู่พลังงานลมจากปัจจุบันที่มีการลงทุนในโรงไฟฟ้าโซล่าเพียงชนิดเดียว

“ในปี 2563 บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้โตเกิน 20% และกำไรสร้างสถิติสูงสุดใหม่ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากโรงไฟฟ้าในมองโกเลียและเวียดนามทั้ง 2 โรง รวม 66 เมกะวัตต์ ที่เข้ามาช่วงกลางปีที่แล้วจะรับรู้เต็มปี รวมทั้ง โรงไฟฟ้ายามากะ จำนวน 34.5 เมกะวัตต์ จะเริ่มรับรู้ช่วงกลางปีนี้ เชื่อว่าจะทำให้ผลประกอบการเป็นไปตามแผน” นายวรุตม์ กล่าว

ขณะที่แผนในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า  บริษัทฯวางเป้าหมายว่าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 400 เมกะวัตต์ หรือ 3 เท่า จากที่ขายไฟอยู่ในปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าขายไฟแล้ว 139 เมกะวัตต์ (รวมเฉพาะสัดส่วนที่ SSP ถือ)  โครงการที่กำลังพัฒนาอื่นๆ รวมโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เพิ่งอนุมัติในครั้งนี้ และอีก 129 เมกะวัตต์ จะทยอยขายไฟใน 3 ปีข้างหน้าทั้งหมด ยังเหลืออีกประมาณ 200 เมกะวัตต์ ที่อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อขยายการลงทุนเพิ่มเติมในช่วง 3-5 ปีนี้

ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2562 เป็นไปตามแผนทุกประการ โดยรายได้โต 30.6% จากการเริ่มขายไฟในโรงไฟฟ้าในเวียดนาม 49.6 เมกะวัตต์ ในเดือนมิถุนายน และโรงไฟฟ้าในมองโกเลีย 16.4 เมกะวัตต์ ในเดือนกรกฎาคม ปี 2562 ที่ผ่านมา ทำให้ขณะนี้มีโรงไฟฟ้าที่ขายไฟแล้ว 6 โรง รวมกำลังการผลิตติดตั้งที่ 157 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ ในปี 2562 กำไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมรายการพิเศษ FX) สร้างสถิติสูงสุดใหม่อยู่ที่ 613 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เทียบปีก่อน และมีกำไรสุทธิที่เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ 545 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16%

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯยังได้อนุมัติจ่ายปันผล สำหรับงวดผลการดำเนินงานในปี 2562 ในอัตรา 0.11 บาท/หุ้น พร้อมออกวอร์แรนต์ให้กับผู้ถือหุ้นในครั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมไว้รองรับแผนขยายการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า โดยออกวอร์แรนต์ 230.5 ล้านหน่วย ที่ราคาแปลงสิทธิ 10 บาท โดยเงินที่ได้จากการแปลงสิทธิ จะมีเพื่อการลงทุนในโครงการใหม่ๆ ที่ยังไม่ประกาศออกมา ไม่เกี่ยวกับทุกโครงการที่กำลังพัฒนาอยู่ซึ่งมีเงินทุนพร้อมอยู่แล้ว

นายวรุตม์ กล่าวอีกว่า การขยายธุรกิจไปสู่ 4 ประเทศในเอเชีย ทั้งไทย ญี่ปุ่น เวียดนาม และมองโกเลีย ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ทำให้ช่วงนี้บริษัทฯเห็นโอกาสมากมายในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา ในโรงไฟฟ้าทุกชนิด เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญการเข้าไปเริ่มพัฒนาโครงการตั้งแต่ต้น ซึ่งเมื่อสำเร็จจะได้กำไรสูงกว่าการไปซื้อโครงการต่อจากผู้ประกอบการรายอื่น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาหลายโครงการ

Back to top button